แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหนึ่ง ซึ่งศาลได้พิพากษาแล้ว ศาลได้ส่งสำเนาให้จำเลยรับไปแล้ว เมื่อไม่ปรากฏในสำนวนเลยว่า จำเลยเป็นคนเดียวกับคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาว่าปล้นทรัพย์ จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ รับว่าได้ลักทรัพย์รายนี้
วันสืบพยานโจทก์นัดแรก โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีแดงที่ ๔๖๓/๒๕๐๐ ของศาลจังหวัดปากพนัง ขอให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นส่งสำเนาให้จำเลยที่ ๑ รับไปในวันเดียวกัน แต่หาได้สอบถามจำเลยแต่อย่างใดไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๗๘ จำคุกคนละ ๒ ปี ยกฟ้องจำเลยที่ ๖ และให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากคดีแดงที่ ๔๖๓/๒๕๐๐
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ตั้งแต่วันต้องขัง
โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากคดีแดงที่๔๖๓/๒๕๐๐
ศาลฎีกาเห็นว่า คำร้องของโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากคดีแดงที่ ๔๖๓/๒๕๐๐ ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องติดตามนำสืบหรือแสดงให้ประจักษ์ปราศจากสงสัย จำเลยรับสำเนาคำร้องแล้วเฉยเสีย ยังไม่ยอมรับข้อเท็จจริง จะให้รื้อฟื้นขึ้นว่ากล่าวใหม่ จึงไม่จำเป็นสำหรับคดีนี้
พิพากษายืน