คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 4 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของรถยนต์ และนำเข้าเดินร่วมทางกับบริษัทจำเลยที่ 2 บริษัทจำเลยที่ 2 นำรถเข้าร่วมเดินกับบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานทาง โดยจำเลยที่ 1, 2 และ 3 แบ่งผลประโยชน์กัน จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ร่วมกิจการกับจำเลยที่ 3 และถือได้ว่าเป็นกิจการของจำเลยที่ 2 ด้วย จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดในการละเมิดของจำเลยที่ 4 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าของรถยนต์ นำเข้าเดินร่วมกับบริษัทจำเลยที่ ๒ แล้วบริษัทจำเลยที่ ๒ นำเข้าร่วมเดินกับบริษัทจำเลยที่ ๑ เจ้าของสัมปทานทาง โดยทั้ง ๓ คนแบ่งผลประโยชน์กัน จำเลยที่ ๔ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑, ๒ และ ๓ ขับรถประมาทชนโจทก์บาดเจ็บ
จำเลยที่ ๑, ๒ และ ๓ ปฏิเสธความรับผิด จำเลยที่ ๔ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ – ๔ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑, ๒ และ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะจำนวนค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๒, ๓ ฎีกา จำเลยที่ ๒ ฎีกาข้อหนึ่งว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ ๓ ในการทำสัญญากับจำเลยที่ ๑ เท่านั้น จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิด
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยที่ ๓ แต่เป็นผู้ร่วมกิจการกับจำเลยที่ ๓ นายจ้างของจำเลยที่ ๔ จึงถือได้ว่าเป็นกิจการของจำเลยที่ ๒ ด้วย จำเลยที่ ๒ ก็ต้องรับผิดในการละเมิดร่วมกับจำเลยที่ ๔ ด้วย
พิพากษายืน

Share