คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องคดีก่อนมีประเด็นว่า จำเลยได้สละสิทธิ์มอบที่พิพาทให้โจทก์และภริยาโจทก์แล้วหรือไม่ ส่วนคดีหลังมีประเด็นว่า จำเลยได้ขายที่พิพาทให้โจทก์หรือไม่ จึงมีประเด็นคนละอย่าง ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ภริยาโจทก์ซึ่งเป็นบุตรจำเลยได้ไถ่ถอนการขายฝากที่พิพาทแทนจำเลยแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอขายที่พิพาทให้โจทก์ในวันเดียวกันนั้น ครั้นเมื่อภริยาโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยกลับยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาทดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ ดังนี้ สิทธิ์เรียกร้องของโจทก์จะบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้เกิดขึ้นแล้วนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาท โจทก์ย่อมได้สิทธิ์เรียกร้องให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นไป อายุความฟ้องร้องจึงเริ่มนับแต่วันนั้น ไม่ใช่เริ่มนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาท ฉะนั้น เมื่อนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาทจนถึงวันฟ้องคดีเกินสิบปี คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 163, 164
โจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อน ศาลพิพากษายกฟ้องอายุความจึงไม่สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยให้โจทก์และภริยาโจทก์ซึ่งเป็นบุตรจำเลยไถ่ถอนการขายฝากที่พิพาท และในวันที่ไถ่ถอนการขายฝาก จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาทให้โจทก์แล้วมอบที่พิพาทให้โจทก์กับภริยาโจทก์ครอบครอง ต่อมาภริยาโจทก์ตาย จำเลยไม่ไปทำนิติกรรมซื้อขายให้โจทก์ โจทก์ได้ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่พิพาท ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยยังไม่ได้สละสิทธิ์ครอบครองที่พิพาทให้แก่โจทก์และภริยาโจทก์ พิพากษายกฟ้อง จำเลยได้ขอให้ศาลขับไล่โจทก์ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การและเพิ่มเติมคำให้การว่า จำเลยไถ่ถอนการขายฝากและครอบครองเอง จำเลยเคยยื่นคำร้องขายที่พิพาทให้ภริยาโจทก์ แต่มีผู้คัดค้านจึงไม่ได้ขาย จำเลยไม่เคยทำสัญญาขายหรือขอขายที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์เคยฟ้องเรียกที่พิพาท ศาลฎีกาพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยไม่ใช่ของโจทก์หรือภริยาโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกที่พิพาทอีกเป็นเป็นฟ้องซ้ำ ทั้งคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีทั้งสองสำนวนมีประเด็นคนละอย่าง อายุความฟ้องร้องเริ่มนับแต่วันที่จำเลยยื่นเรื่องราวถอนคำร้องขอถอนการขายที่พิพาท ยังไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยโอนขายที่พิพาทให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนมีประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของจำเลย คดีนี้มีประเด็นว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์หรือไม่
แต่การที่ภริยาโจทก์ไถ่ถอนการขายฝากที่พิพาทแทนจำเลย แล้วจำเลยยื่นคำร้องต่ออำเภอในวันเดียวกันขอขายที่พิพาทให้โจทก์นั้น จึงอนุมานได้ว่าจำเลยจะขายให้โจทก์เท่าจำนวนเงินที่ภริยาโจทก์ไถ่ถอนจากการขายฝาก คำร้องของจำเลยถือว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ วรรค ๒ โจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับคดีได้โดยพลันตามมาตรา ๒๐๓ อายุความจึงเริ่มนับแต่วันจำเลยยื่นคำร้อง เมื่อฟ้องเกินสิบปี คดีจึงขาดอายุความตามมาตรา ๑๖๓, ๑๖๔ ฟ้องคดีก่อน ศาลพิพากษายกฟ้อง ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา ๑๗๔
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ
จำเลยฎีกาว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความและเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์คดีก่อนมีประเด็นว่า จำเลยได้สละสิทธิ์มอบที่พิพาทให้โจทก์และภริยาโจทก์แล้วหรือไม่ ส่วนคดีนี้มีประเด็นว่าจำเลยได้ขายที่พิพาทให้โจทก์หรือไม่ คดีจึงมีประเด็นเป็นคนละอย่าง ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ส่วนอายุความฟ้องร้อง วินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ได้เกิดขึ้นแล้วนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์ย่อมใช้สิทธิ์เรียกร้องให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นไป อายุความฟ้องร้องจึงเริ่มนับแต่วันนั้นไม่ใช่เริ่มนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอโอนที่พิพาทต่ออำเภอ โจทก์ฟ้องคดีก่อน ศาลพิพากษายกฟ้อง อายุความจึงไม่สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๔ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เกินสิบปี คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๓, ๑๖๔
พิพากษายืน.

Share