คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อร้านค้าออกจากที่ดินของโจทก์ ฝ่ายจำเลยให้การว่าที่ดินไม่ใช่ของโจทก์ เมื่อคู่ความตกลงท้ากันให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดและเจ้าพนักงานสรรพากรจังหวัดไปตรวจสอบว่าร้านค้าของจำเลยอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ตาโฉนดที่ 47 หรือไม่ ถ้าอยู่ในเขตโฉนด โฉนดส่วนนี้รุกกล้าที่ดินราชพัสดุหรือไม่ หากปรากฏว่าร้านค้าของจำเลยอยู่ในเขตโฉนดของโจกท์และไม่ได้รุกล้ำที่ดินราชพัสดุ จำเลยยอมแพ้คดีดังนี้ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยถือเอาการรังวัดตรวจสอบของเจ้าพนักงานที่ดินและเจ้าพนักงานสรรพากรเป็นข้อแพ้ชนะระหว่างกัน ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานดังกล่าวการรังวัดตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าร้านค้าของจำเลยปลูกในที่ดินเขตโฉนดของโจทก์และไม่ได้รุกล้ำที่ดินราชพัสดุ จำเลยก็ต้องแพ้คดี จะอ้างว่าเจ้าพนักงานสรรพากรจังหวัดไม่มีอำนาจชี้ขาดเขตที่ดินหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๗ ตำบลโตนด อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เนื้อที่ ๕๑ ไร่ ๒ งาน ๔๒ ๗/๑๐ ตารางวา จำเลยอาศัยที่ดินของโจทก์ส่วนหนึ่งเนื้อที่ประมาณ ๑๐ ตารางวา ปลูกร้านค้าให้ผู้อื่นเช่าทำการค้า ต่อมาโจทก์จะใช้ที่ดินที่จำเลยอาศัยอยู่นั้นปรับปรุงและพัฒนาวัด โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์ จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยและบริวารออกจากบริเวณที่ดินของโจทก์และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปด้วย กับให้จำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่เคยอาศัยที่ดินของโจทก์ที่ดินที่จำเลยปลูกร้านค้านั้นเป็นของขุนโตนด เนวาเขต ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว
ก่อนสืบพยานโจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัยและเจ้าพนักงานสรรพากรจังหวัดสุโขทัยออกไปตรวจว่าร้านค้าของจำเลยซึ่งให้นายเสริมเช่านั้นอยุ่ในเขตที่ดินของโจทก์ตามโฉนดที่ ๔๗ หรือไม่ และที่ดินโฉนดที่ ๔๗ ของโจทก์รุกล้ำที่ดินราชพัสดุหรือไม่ ถ้ารุกล้ำร้านค้าของจำเลยปลูกอยู่ในส่วนที่ดินของราชพัสดุหรือไม่ หากปรากฏว่าร้านค้าของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ตามโฉนดที่ ๔๗ และเป็นส่วนที่ไม่ใช่ที่ดินราชพัสดุ จำเลยยอมแพ้และยอมรื้อร้านค้านั้น ถ้าอยู่นอกเขตที่ดินของโจทก์และอยู่ในเขตที่ราชพัสดุ โจทก์ยอมแพ้ ศาลสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินและเจ้าพนักงานสรรพากรจังหวัดสุโขทัยร่วมกันไปรังวัดตรวจสอบที่ดินพิพากโฉนดที่ ๔๗ ของโจทก์และทำแผนที่พร้อมความเห็นส่งศาล ปรากฏว่าร้านค้าของจำเลยอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์และที่ดินตามโฉนดของโจทก์ไม่ได้รุกล้ำที่ราชพัสดุ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์พร้อมด้วยรื้อร้านค้าของจำเลยออกไปด้วย กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ ๑๕๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อร้านค้าของจำเลยออกไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้คู่ความตกลงท้ากันให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัยและเจ้าพนักงานสรรพากรจังหวัดสุโขทัยไปตรวจสอบว่าร้านค้าของจำเลยซึ่งให้นายเสริมเช่าอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์จตามโฉนดที่ ๔๗ หรือไม่ ถ้าอยู่ในเขตโฉนด โฉนดส่วนนี้รุกล้ำที่ดินราชพัสดุหรือไม่ หากปรากฏว่าร้านค้าของจำเลยอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์และไม่ได้รุกล้ำที่ดินราชพัสดุ จำเลยยอมแพ้คดี ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยถือเอาการรังวัดตรวจสอบของเจ้าพนักงานที่ดินและเจ้าพนักงานสรรพากรเป็นข้อแพ้ – ชนะระหว่างกัน ฉะนั้นเมื่อเจ้าพนักงานดังกล่าวทำการรังวัดตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าร้านค้าของจำเลยปลูกในที่ดินเขตโฉนดของโจทก์และไม่ได้รุกล้ำที่ดินราชพัสดุ จำเลยก็ต้องแพ้คดีจะอ้างว่าเจ้าพนักงานสรรพากรจังหวัดไม่มีอำนาจชี้ขาดเขตที่ดินหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share