แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฎีกาที่กล่าวว่าศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา โดยไม่กล่าวให้ชัดแจ้งว่าศาลอุทธรณ์แก้ข้อไหน อย่างไร เป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาและบุตรของนายเภา จำเลยและ ด.ญ.แพงศรี เป็นบุตรของภรรยาคนก่อนของนายเภาซึ่งตายไปแล้วตั้งแต่ก่อนนายเภามาได้กับโจทก์ นายเภาตายเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ โจทก์ขอแบ่งมฤดก จำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินเดิมของนายเภา ๆ ยกให้จำเลยและ ด.ญ.แพงศรีแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่ง (๑) นาทุ่งหว้าเป็น ๔ ส่วน ให้โจทก์คนละส่วน (๒) เรือนที่ดินปลูกเรือน ยุ้งข้าวที่สวน เครื่องอุปกรณ์การสร้างเรือน และกระบือ ๒ ตัว เป็นของโจทก์ (๓) นาทุ่งหนองไฮ่ แบ่งเป็น ๓ ส่วนให้โจทก์ ๑ ส่วน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า (๑) นาทุ่งหนองหว้าที่ดินปลูกบ้านพร้อมด้วยเรือน แบ่งเป็น ๔ ส่วน ให้โจทก์ได้คนละส่วน (๒) ยุ้งข้าว เครื่องอุปกรณ์การสร้างเรือนกับกระบือ ๒ ตัวแบ่งเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นของโจทก์ในฐานะภรรยา อีกส่วนให้แบ่งเป็น ๔ ส่วนโจทก์รับไปฐานะละส่วน (๓) นาทุ่งหนองไฮ่ ให้แบ่งเป็น ๓ ส่วน ให้โจทก์ ๑ ส่วน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาจำเลยข้อหนึ่งที่ว่า ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณานั้น เห็นว่า ข้อนี้จำเลยไม่ได้กล่าวให้ชัดเจนว่าศาลอุทธรณ์แก้ข้อไหน อย่างไรเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนฎีกาข้อเท็จจริงอื่น ๆ ของจำเลยศาลฎีกาเห็นว่าฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน