คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7855/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทระหว่างม.กับจำเลยเกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาและ ม.ฟ้องจำเลยแต่จำเลยก็ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมโอนที่ดินพิพาทให้นายม.หรือบุคคลที่ ม.ประสงค์ ศาลพิพากษาตามยอม ภายหลังจำเลยได้ปฏิบัติตามโดยโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่บริษัทช.ที่ม.ประสงค์ ซึ่งตรงกับราคาที่ระบุในสัญญาจะซื้อจะขายดังนี้สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวจึงมีผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมก็ย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ด้วย โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลย สัญญานายหน้าเป็นสัญญาที่แยกต่างหากจากสัญญาจะซื้อจะขายแม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายจะบันทึกเรื่องที่จำเลยตกลงให้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ไว้ก็หาทำให้สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาจะซื้อจะขายไม่ โจทก์ฟ้องเรียกเอาบำเหน็จนายหน้าไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงมีอายุความ 10 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่านายหน้าจำนวน1,111,963 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน1,033,200 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยมอบหมายให้โจทก์เป็นนายหน้าบริษัทซัยโรจน์ศิริ จำกัด รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยเนื่องจากสัญญาฉบับอื่นมิใช่สัญญาจะซื้อจะขายตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ไม่เคยทวงถามให้จำเลยชำระค่านายหน้า การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน1,111,963 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน1,033,200 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทตามฟ้องระหว่างนายมงคลกับจำเลยเกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ แม้ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาและนายมงคลตัองฟ้องบังคับจำเลยก็ตามแต่จำเลยก็ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่นายมงคลหรือบุคคลที่นายมงคลประสงค์จะให้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ ศาลพิพากษาตามยอมและภายหลังจำเลยได้ปฏิบัติตามโดยทำหนังสือจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่บริษัทชัยโรจน์ศิริ จำกัด ที่นายมงคลประสงค์จะให้เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในราคาซึ่งตรงกับราคาที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท ดังนี้ สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวจึงมีผลสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ให้จำเลยกับนายมงคลได้เข้าทำสัญญากัน สัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม ก็ย่อมมีผลสืบเนื่องมาจากการชี้ช่องของโจทก์ด้วย โจทก์จึงมีสิทธิได้รับบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลยตามข้อตกลงและวินิจฉัยต่อไปว่า สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาที่แยกต่างหากจากสัญญาจะซื้อจะขาย แม้ตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.4 จะได้บันทึกเรื่องที่จำเลยตกลงให้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ไว้ ก็หาทำให้สัญญาค่าบำเหน็จนายหน้าเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาจะซื้อจะขายไม่โจทก์ฟ้องเรียกร้องเอาค่าบำเหน็จนายหน้าและไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปีึ
พิพากษายืน

Share