แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างคืออาคารและรั้วที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าที่ดินที่สร้างอาคารเป็นของจำเลยทั้งสองโดยมีรั้วเป็นแนวเขต เป็นการต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 3 ตารางวา จำเลยทั้งสองฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อจำเลยทั้งสองรับว่าที่ดินบริเวณเดียวกับที่ดินดังกล่าวซื้อขายกันตารางวาละ 3,000 บาท ราคาทรัพย์สินที่พิพาทจึงไม่เกิน 200,000บาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ข้อที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าครอบครองปรปักษ์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท มิได้เป็นประเด็นข้อพิพาทในศาลล่างทั้งสองมาก่อน ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยทั้งสองเพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกาจึงเป็นการไม่ชอบ
รั้วและสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนนั้นยังคงมีอยู่ตลอดมาต้องถือว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำละเมิดต่อโจทก์จนถึงวันฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารและรั้วที่สร้างรุกล้ำที่ดินของโจทก์ และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่าจำเลยทั้งสองปลูกสร้างอาคารและสร้างรั้วในที่ดินของจำเลยทั้งสองโดยสุจริตและต่อสู้ในเรื่องอายุความกับค่าเสียหาย คดีไม่มีประเด็นในเรื่องจำนวนเงินค่าใช้ที่ดินและเรื่องการจดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็ชอบที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระค่าใช้ที่ดินและให้โจทก์จดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอมแก่จำเลยทั้งสองนั้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง