คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีเป็นผู้ผลิตแร่แล้วส่งไปให้ภรรยาจัดการจำหน่ายหนี้สินที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นหนี้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ประกอบอาชีพทางทำเหมืองแร่ จำเลยที่ 1 ขุดแร่ส่งไปให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้จำหน่ายระหว่างเดือนพฤจิกายน 2502 ถึงเดือนมิถุนายน 2503 จำเลยได้ส่งแร่ไปขายให้บริษัทโจทก์และรับเงินล่วงหน้าค่าแร่ไป เมื่อคิดหักบัญชีกันแล้วจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ 12,761.90 บาท ขอให้ศาลบังคับ

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ไม่ได้สั่งหรือยินยอมให้จำเลยที่ 2 มีอำนาจรับรองหนี้สินที่เกิดขึ้นกับจำเลยที่ 1 และตัดฟ้องว่าคดีขาดอายุความ

จำเลยที่ 2 ให้การว่า เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้เงินโจทก์ตามฟ้อง

จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากัน และร่วมกันประกอบอาชีพทำเหมืองแร่ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ผลิตแร่ที่จังหวัดราชบุรี แล้วส่งไปให้จำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ขายให้แก่โจทก์และบริษัทอื่น ๆ โจทก์จำเลยได้ติดต่อซื้อขายแร่กันมาหลายปีแล้ว วิธีการซื้อขายแร่กันนั้น บางครั้งจำเลยที่ 2 ขอรับเงินค่าแร่ล่วงหน้าไปก่อน เมื่อส่งแร่ให้โจทก์แล้วจึงคิดบัญชีกัน โจทก์ส่งบัญชีรายละเอียดในนามของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขายไปให้จำเลยที่ 2 ตรวจสอบ เมื่อจำเลยที่ 2 ตรวจถูกต้องก็เซ็นชื่อรับรองแล้วส่งคืนโจทก์ โจทก์คิดบัญชีครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2503 ปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ 12,761.90 บาท ซึ่งจำเลยที่ 2 เซ็นชื่อรับรองความถูกต้องแล้วเช่นนี้ คดีจึงฟังได้ว่าหนี้รายนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(3) ซึ่งให้ถือว่าเป็นหนี้ร่วมกัน เมื่อเป็นหนี้ร่วมจึงผูกพันจำเลยที่ 1 ให้ต้องรับผิดต่อโจทก์ ในเรื่องอายุความนั้น ศาลฟังว่าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษายืน

Share