แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การค้าเหรียนกสาปน์ไม่ว่าเหรียนกสาปน์ชนิดไดไห้เปนความผิด.
เหรียนกสาปน์ชนิด 20 สตางค์หรือต่ำกว่ามีกดหมายสันนิถานว่าบุคคลที่มีไว้เกินจำนวนที่กดหมายกำหนดเปนผู้มีไว้เกินสมควน  ส่วนเหรียนกสาปน์ชนิดอื่นไม่มีข้อสันนิถานเช่นนั้น  ดังนี้ความต่างกับหยู่ที่หน้าที่นำสืบ  ผู้รับเหรียนกสาปน์เปนจำนวนมากมาจากผู้ชำระหนี้  ไม่ถือว่าเปนผู้ทำการค้าเหรียนกสาปน์ตามกดหมาย.
ย่อยาว
โจทฟ้องว่าจำเลยมีเหรียนกสาปน์ไว้ไนครอบครองเปนจำนวนเกินสมควน ข้อเท็ดจิงฟังได้ว่าจำเลยตั้งร้านขายกาแฟ  ตำหรวดค้นร้ายได้เหรียนสองสลึง ๕ อัน, เหรียนสลึง ๑๙๖ อัน, สตางค์สิบ ๖๕ อัน, สตางค์ห้า ๓๖ อัน สตางค์หนึ่งชนิดทองแดง ๑๒๐ อัน ชนิดดีบุก ๙๑ อัน รวม ๖๑ บาท ๙๑ สตางค์  ซึ่งไนจำนวนนี้เปนเหรียนสลึงและสองสลึงของผู้อื่นฝากจำเลยไว้ ๑๐ บาท ๗๕ สตางค์ คงเปนของจำเลย ๕๑ บาท ๑๖ สตางค์.
สาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีเหรียนกสาปน์ไว้เกิดสมควนสำหรับปกติธุระ  ประกอบกับความประพรึติของจำเลยมักไม่ทอนสตางค์แก่ผู้มาซื้อของ  สแดงว่าจำเลยกักเหรียนกสาปน์เพื่อการค้า  พิพากสาไห้จำคุกจำเลยตามกดหมายที่โจทอ้างมีกำหนด ๕ ปี  ของกลางที่เปนของจำเลยไห้ริบ.
จำเลยอุธรน์  สาลอุธรน์เห็นว่าตามพระราชบัญญัติเงินตราไนภาวะฉุกเฉินนั้น  คำว่า”เหรียนกสาปน์” ไม่หมายถึง เหรียนบาทเหรียนสลึงและเหรียนสองสลึงด้วย เพราะเหรียนเหล่านี้ชำระหนี้ได้โดยไม่จำกัดจำนวน  ซึ่งประสงค์ควบคุมฉะเพาะเหรียนกสาปน์ชนิด ๒๐ สตางค์  หรือต่ำกว่าเท่านั้น  คดีนี้จำเลยซึ่งมีสตางค์ไว้เพียง ๑๐ บาท๔๑ สตางค์  ไม่เปนการเกินสมควน  พิพากสากลับไห้ยกฟ้องแต่มีความเห็นแย้งของผู้พิพากสานายหนึ่งเห็นว่า  เหรียนบาทเหรียนสองสลึงและเหรียนสลึงก็หยู่ไนความควบคุมของพ.ร.บ.เงินตราไนภาวะฉุกเฉิน  ฉะเพาะคดีนี้เห็นด้วยว่าควนยกฟ้อง  เพราะจำนวนเหรียนกสาปน์ไม่เกินสมควน
โจทดีกา  สาลดีกาเห็นว่า  กดหมายมีข้อความชัดว่าการค้าเหรียนกสาปน์ไม่ว่าชนิดได ๆ ต้องเปนความผิด กดหมายที่สันนิถานว่าการครอบครองเหรียนกสาปน์ชนิด ๒๐ สตางค์หรือต่ำกว่าไว้เกินจำนวนที่กดหมายกำหนด  เปนการมีไว้เกินสมควน  ส่วนเหรียนกสาปน์ชนิดอื่นไม่มีข้อสันนิถาน เช่นนี้นั้น  ต่างกันที่หน้าที่นำสืบ  และแม้กดหมายควบคุมเหรียกสาปน์ทุกชนิดก็ดี  ผู้รับเหรียนกสาปน์เปนจำนวนมากจากผู้มาชำระหนี้ก็ไม่มีผิด  เพราะไม่ได้ทำการค้า.
ฉะเพาะคดีนี้  จำเลยมีเหรียนกสาปน์ไว้เปนจำนวนไม่เกินสมควน  และที่จำเลยไม่ทอนสตางค์แก่ผู้ไปซื้อของ  หากจะเปนจิง ก็ไม่พอจะสแดงว่าจำเลยค้าเหรียน  จึงพิพากสายืน.

