แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของ อ. ไม่ปรากฏว่า อ. ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินพิพาทให้ผู้ใด เมื่อ อ. ตายที่ดินพิพาทจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมของ อ. ทันทีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 วรรคหนึ่ง จำเลยเป็นผู้สืบสันดานและเป็นทายาทโดยธรรมของ อ. มีสิทธิได้รับมรดกของ อ. ในลำดับแรกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(1) มีสิทธิได้รับมรดกในที่ดินทันทีตั้งแต่ อ. ถึงแก่ความตาย และจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของอ. มีหนี้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ อ. ทำไว้ ในอันที่จะต้องจดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทด้วย การบังคับให้จำเลยจดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทด้วยเป็นการบังคับในส่วนอันเป็นสิทธิของจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของ อ. ซึ่งมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทเท่านั้น มิได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของทายาทอื่นในที่ดินพิพาท และไม่ได้เป็นเรื่องที่สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้กระทำได้
การฟ้องให้ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขายมิได้มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีกำหนดอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/30
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของนางอรุณ เปลี่ยนสมัย เมื่อปลายปี 2539 นางอรุณถึงแก่ความตาย โจทก์ทราบว่าจำเลยจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ 83497 ให้ผู้อื่น โจทก์ทวงถามให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจำเลยไม่ดำเนินการให้ ขอให้บังคับจำเลยรับมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 83497 แล้วจดทะเบียนโอนขายให้แก่โจทก์ ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ให้จำเลยนำโฉนดที่ดินดังกล่าวมาวางศาล แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนให้แก่โจทก์ โดยถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยออกค่าธรรมเนียม ค่าภาษีในการโอนกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ ถ้าจำเลยขัดขืนให้โจทก์ออกเงินไปก่อนแล้วบังคับเอาจากจำเลยภายหลัง
จำเลยให้การว่า โจทก์สละสิทธิเกี่ยวกับข้อตกลงตามสัญญาจะซื้อขาย ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะจำเลยไม่เข้าใจว่าโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยรับผิดในฐานะทายาทนางอรุณ หรือตามสัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 83497 ตำบลบางแวก อำเภอภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยให้ใช้ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาภายในอายุความ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าจำเลยต้องจดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 83497 หรือไม่เห็นว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนางอรุณ ไม่ปรากฏว่านางอรุณได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินพิพาทให้ผู้ใด เมื่อนางอรุณถึงแก่ความตายที่ดินพิพาทจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมของนางอรุณทันทีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1599 วรรคหนึ่ง และมาตรา 1620 วรรคหนึ่ง จำเลยเป็นผู้สืบสันดานของนางอรุณและเป็นทายาทโดยธรรมของนางอรุณ มีสิทธิได้รับมรดกของนางอรุณในลำดับแรกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(1) จำเลยจึงมีสิทธิได้รับมรดกในที่ดินพิพาททันทีตั้งแต่นางอรุณถึงแก่ความตาย และจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของนางอรุณมีหนี้ตามสัญญาจะซื้อขายที่นางอรุณทำไว้ตามเอกสารหมาย จ.2 ในอันที่จะต้องจดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทด้วย การบังคับให้จำเลยจดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทด้วยจึงเป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้และแม้จะมีทายาทอื่นของนางอรุณมีสิทธิได้รับมรดกในที่ดินพิพาทร่วมกับจำเลยด้วยการบังคับให้จำเลยจดทะเบียนให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทด้วยเป็นการบังคับในส่วนอันเป็นสิทธิของจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของนางอรุณซึ่งมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทเท่านั้น มิได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของทายาทอื่นในที่ดินพิพาท และไม่ได้เป็นเรื่องที่สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้กระทำได้ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นแต่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ตามอุทธรณ์ของจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่า อุทธรณ์ดังกล่าวของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย เมื่อสำนวนขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปทีเดียวโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน ในปัญหานี้ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขายที่จำเลยทำกับโจทก์สิทธินำคดีมาฟ้องจึงมีอายุความ 2 ปี จำเลยผิดสัญญาจะซื้อขายเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2538 โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2540 คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วนั้น เห็นว่า การฟ้องให้ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขายมิได้มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีกำหนดอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 นางอรุณทำสัญญาจะซื้อขายกับโจทก์เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2537 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2540 ยังไม่เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น