คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยต่างเป็นทายาทของเจ้าของมรดกและครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกันมา โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์นั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1748 แม้จะล่วงพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เจ้ามรดกตาย คดีโจทก์ก็หาขาดอายุความไม่
จำเลยได้ใช้จ่ายเงินเป็นค่าซ่อมเรือนมรดก เมื่อโจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดก จำเลยย่อมมิสิทธิขอให้หักค่าซ่อมนั้นจากกองมรดกก่อนแบ่ง โดยขอมาในคำให้การได้ จำเลยมิได้ขอให้โจทก์ใช้เป็นเงิน จึงหาจำต้องยกขึ้นฟ้องแย้งไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรของนายแหยม แต่ต่างมารดากัน นายแหยมตาย โจทก์จำเลยได้ครอบครองมรดกของนายแหยมร่วมกันตลอดมา โจทก์ขอแบ่งมรดก จำเลยกลับอ้างว่านายแหยมขายทรัพย์มรดกให้จำเลยหมดแล้ว โจทก์เพิ่งทราบว่าการโอนทรัพย์มรดกนั้น จำเลยได้ทำใบมอบอำนาจ ของนายแหยม ขณะนายแหยมมีสติฟั่นเฟือน ไม่รู้ผิดชอบ จำเลยบังคับจับมือนายแหยมพิมพ์ลายนิ้วมือลงในใบมอบอำนาจนั้น จึงเป็นโมฆะ ขอให้พิพากษาว่า หนังสือมอบอำนาจของนายแหยมเป็นโมฆะ ทำลายสัญญาซื้อขายที่ดินโฉนดที่ ๒๙ ตำบลบางย่อ เฉพาะที่ดินส่วนที่นายแหยมโอนให้จำเลยนั้นเสีย ขอให้แบ่งทรัพย์มรดกของนายแหยมออกเป็น ๒ ส่วน ให้โจทก์จำเลยได้คนละส่วน
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เป็นบุตรนอกสมรส ไม่มีสิทธิได้รับมรดก นายแหยมขายที่ดินให้จำเลยและขณะมอบฉันทะ ก็มิได้สติฟั่นเฟือน เรือนมรดก จำเลยใช้เงินส่วนตัวซ่อมประมาณ ๕,๕๐๐ บาท ต้องหักค่าซ่อมก่อน คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องอันดับ ๑ ถึง ๔ ให้โจทก์กึ่งหนึ่ง ถ้าแบ่งไม่ได้ ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน ทรัพย์อันดับอื่นให้ยกฟ้อง
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าที่ดินตามบัญชีทรัพย์อันดับ ๗ ส่วนของนายแหยม นายแหยมมิได้เจตนามอบอำนาจให้จำเลยไปจัดการขายให้แก่จำเลย ที่ดินส่วนของนายแหยมจึงเป็นมรดกของนายแหยมซึ่งทายาทยังมิได้แบ่งปันกัน โจทก์เป็นบุตร โดยชอบด้วยกฎหมายของนายแหยม โจทก์จำเลยได้ครอบครองมรดกร่วมกันมา แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการที่จำเลยครอบครองที่นาพิพาททรัพย์อันดับ ๗ และทรัพย์อื่นตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องร่วมกับโจทก์ โจทก์ย่อมมิสิทธิที่จะเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์มรดกนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๔๘ คดีโจทก์จึงหาขาดอายุความไม่
ที่จำเลยฎีกาว่า หากจำเลยจะต้องแบ่งมรดกให้โจทก์ ก็ขอให้ศาลหักค่าซ่อมเรือนทรัพย์อันดับ ๑ ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องเป็นเงิน ๕,๕๐๐ บาท ก่อนที่จะแบ่ง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยได้ใช้จ่ายค่าซ่อมเรือนสิ้นเงินไป ๕,๕๐๐ บาทจริง และเงินจำนวนนี้ในคำใให้การของจำเลยก็ขอให้หักออกจากกองมรดกก่อนแบ่ง จำเลยมิได้ขอให้โจทก์ใช้เป็นเงิน จำเลยจึงหาจำเป็นต้องยอกขึ้นฟ้องแย้งดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยแบ่งทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้อง อันดับ ๑ ถึง ๔ ให้โจทก์กึ่งหนึ่ง โดยให้หักค่าซ่อมแซมเรือนทรัพย์อันดับ ๑ เป็นเงิน ๕,๕๐๐ บาท ให้จำเลยก่อนแบ่ง กับให้จำเลยแบ่งที่ดินนาโฉนดที่ ๒๙ ตำบลบางบ่อ เฉพาะส่วนของนายแหยมตามบัญชีทรัพย์อันดับ ๗ ให้โจทก์กึ่งหนึ่งด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share