แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุมีสิทธิที่จะเอาประกันภัยความเสียหายอันอาจเกิดแก่รถยนต์โดยสารที่เช่าซื้อมาเมื่อป. ลูกจ้างของโจทก์เป็นผู้ขับรถยนต์เพื่อหาประโยชน์ร่วมกันระหว่างโจทก์กับข. และป. ขับรถที่จำเลยรับประกันไว้ไปก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอกโจทก์และข. จึงต้องร่วมกันรับผิดในความประมาทเลินเล่อที่ป. ได้ก่อขึ้นและต้องถือว่าวินาศภัยที่เกิดขึ้นนี้โจทก์ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบด้วยซึ่งจำเลยผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในนามของโจทก์ผู้เอาประกันภัยเมื่อโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายให้บุคคลภายนอกไปจึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยผู้รับประกันภัยค้ำจุนรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องไม่ตกลงยินยอมเสนอหรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลใดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยเว้นแต่จำเลยมิได้จัดการต่อการเรียกร้องนั้นเป็นข้อตกลงเพื่อป้องกันมิให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้นแต่กรณีนี้เป็นฝ่ายต้องรับผิดจำเลยจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาปัดความรับผิดไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 42,853.54 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 41,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชดใช้เงินคืนและโจทก์ชำระหนี้ให้แก่บุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยก่อน เป็นการผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน41,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 23 มกราคม 2534 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน 1,853.54 บาท
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 10-8592 กรุงเทพมหานคร คันเกิดเหตุ โจทก์ย่อมมีสิทธิครอบครองและใช้ประโยชน์ ตลอดจนรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดอันเกิดแก่รถยนต์โดยสารที่เช่าซื้อมาตามสัญญาเช่าซื้อและเมื่อชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว รถยนต์โดยสารที่เช่าซื้อมาก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ หรือในกรณีต้องเลิกสัญญาเช่าซื้อโจทก์ก็มีหน้าที่จะต้องส่งคืนรถยนต์โดยสารที่เช่าซื้อมาให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในรถยนต์โดยสารที่เช่าซื้อมา จึงมีสิทธิที่จะเอาประกันภัยความเสียหายอันอาจเกิดแก่รถยนต์โดยสารที่เช่าซื้อมา สัญญาประกันภัยระหว่างโจทก์กับจำเลยตามฟ้องจึงมีผลผูกพันตามกฎหมาย และการที่โจทก์นำรถยนต์โดยสารที่เช่าซื้อมาไปร่วมรับส่งคนโดยสารกับบริษัทขนส่งจำกัด ซึ่งประกอบกิจการขนส่ง โดยนายปัญญาลูกจ้างของโจทก์เป็นผู้ขับเพื่อหาประโยชน์ร่วมกันระหว่างโจทก์กับบริษัทขนส่ง จำกัดเช่นนี้เมื่อปรากฎว่านายปัญญาขับรถที่จำเลยรับประกันภัยไว้ไปก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอก โจทก์และบริษัทขนส่งจำกัด จึงต้องร่วมกันรับผิดในความประมาทเลินเล่อที่นายปัญญาคนขับรถคันดังกล่าวได้ก่อขึ้น และต้องถือว่าวินาศภัยที่เกิดขึ้นนี้โจทก์ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบด้วย กรณีจึงต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคแรก ซึ่งจำเลยผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในนามของโจทก์ผู้เอาประกันภัย เมื่อโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด ไป โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยผู้รับประกันภัยค้ำจุนรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ชำระหนี้ให้แก่บุคคลภายนอกโดยผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยตามเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 1.5.1 ที่ว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องไม่ตกลงยินยอมเสนอหรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลใดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย เว้นแต่จำเลยมิได้จัดการต่อการเรียกร้องนั้น เป็นข้อตกลงเพื่อป้องกันมิให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้นแต่กรณีนี้โจทก์เป็นฝ่ายต้องรับผิด จำเลยจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาปัดความรับผิดไม่ได้
พิพากษากลับ ให้ บังคับคดี ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น