คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในวันนัดพิจารณาคดีล้มละลาย จำเลยมาศาลและยื่นคำร้อง ขอเลื่อนการพิจารณา หลังจากศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัด พิจารณาและสืบพยานโจทก์เสร็จจนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จำเลยเด็ดขาดแล้ว ถือว่าจำเลยขอเลื่อนคดีเมื่อการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ศาลย่อมไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้เลื่อนการพิจารณาได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาไปฝ่ายเดียวและมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 14 ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลย สำหรับค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นในวันสืบพยานโจทก์รวม2 ฉบับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องฉบับแรกว่า”ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ” และมีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องฉบับหลังว่า”พิเคราะห์คำร้องของจำเลยแล้ว จำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุที่ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพียงแต่กล่าวลอย ๆ ว่า ถ้าจำเลยนำพยานเข้าสืบมีทางชนะคดีกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความว่าในวันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยมาศาลภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาต่อศาลเวลา 14.10 นาฬิกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องต่อมาเวลา 14.30 นาฬิกา ทนายจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นอีกฉบับหนึ่งอีก จำเลยมีความประสงค์จะนำพยานเข้าสืบเพื่อหักล้างคำฟ้องของโจทก์ ซึ่งมีปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหลายประการทนายจำเลยมาศาลเมื่อเวลา 14.10 นาฬิกา เนื่องจากการจราจรติดขัดมาก ประกอบกับทนายจำเลยเพิ่งได้รับมอบคดีจากจำเลยในวันนัดพิจารณานั้นเอง หากศาลอนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบก่อนมีคำสั่ง จำเลยอาจมีทางชนะคดีได้ ขอนำพยานเข้าสืบและเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ยื่นต่อศาลเมื่อเวลา14.10 นาฬิกา คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยขอนำพยานเข้าสืบที่ยื่นต่อศาลเมื่อเวลา 14.30 นาฬิกา ชอบหรือไม่และจำเลยเป็นบุคคลผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวต่อไปตามลำดับ
ปัญหาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ยื่นต่อศาลเมื่อเวลา 14.10 นาฬิกา ชอบหรือไม่นั้นเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์เวลา 13.30 นาฬิกาและออกนั่งพิจารณาตามเวลาที่กำหนด ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 7 สิงหาคม 2533 จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเวลา 14.10 นาฬิกา หลังจากศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาแล้ว 40 นาที ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ให้ยกคำร้อง เห็นว่าจำเลยยื่นคำร้องและขอเลื่อนคดีเมื่อการพิจารณาของศาลเสร็จสิ้นแล้วศาลย่อมไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้เลื่อนการพิจารณาออกไปได้ และคำร้องของจำเลยที่ยื่นต่อศาลเวลา 14.30 นาฬิกา ก็เป็นคำร้องขอเลื่อนคดีเช่นเดียวกับคำร้องที่ยื่นต่อศาลเวลา 14.10 นาฬิกา คำร้องฉบับนี้จำเลยก็ได้ยื่นต่อศาลเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้วเช่นเดียวกันศาลย่อมไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้เลื่อนการพิจารณาออกไปได้ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้ง 2 ฉบับ จึงชอบแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมาถึงก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเด็ดขาดนั้นก็ปรากฏตามบันทึกการอ่านคำสั่งหน้าสำนวนคดีนี้ว่า ศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดให้คู่ความฟังแล้วโดยมีโจทก์ลงชื่อไว้ ส่วนจำเลยไม่มาเช่นนี้ เชื่อได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งดังกล่าวก่อนจำเลยมาถึงศาล”
พิพากษายืน

Share