แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินพิพาทมีเพียงสิทธิครอบครอง โจทก์ผู้จะขายทำสัญญากับจำเลยทั้งสองผู้จะซื้อว่า ที่ดินพิพาทราคา 1,500,000 บาท จะทำการโอนที่ดินใบ ภ.บ.ท.5 ให้แก่จำเลยทั้งสองและจำเลยทั้งสองได้วางมัดจำให้โจทก์ไว้เป็นเงิน 730,000 บาท ตามหนังสือสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาวางมัดจำเป็นแบบพิมพ์สำเร็จรูปซึ่งมีการกรอกข้อความไปตามรายการในแบบพิมพ์เพื่อให้เป็นหลักฐานเท่านั้น แต่โดยเจตนาของโจทก์และจำเลยทั้งสองแท้จริงแล้ว เป็นการทำสัญญาซื้อขายสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทกัน เพราะที่ดินพิพาทไม่มีเอกสารแสดงสิทธิใดๆ คงมีเพียงสิทธิครอบครองโดยการยึดถือเท่านั้น จึงสามารถโอนการครอบครองแก่กันได้ด้วยวิธีส่งมอบที่ดินที่ครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1378 เมื่อโจทก์ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้จำเลยทั้งสองแล้ว จึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาครบถ้วน จำเลยทั้งสองย่อมมีหน้าที่ชำระราคาส่วนที่เหลือให้แก่โจทก์และเมื่อจำเลยทั้งสองไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือ แทนที่โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามสัญญา แต่โจทก์กลับมาฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ และจำเลยที่ 2 ก็ฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินค่าที่ดินที่รับไว้จำนวน 730,000 บาท กรณีจึงถือได้ว่าคู่สัญญาต่างสมัครใจเลิกสัญญาซื้อขายสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทต่อกัน คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองพร้อมบริวารออกจากบ้านและที่ดินตามเอกสารใบ ภ.บ.ท.5 ตั้งอยู่หน่วยที่ 1 เลขสำรวจที่ 117/45 หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และเลิกยุ่งเกี่ยวกับบ้านและที่ดิน กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 25,000 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากบ้านและที่ดินตามฟ้อง
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์คืนเงินมัดจำ 730,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2546 เป็นต้นไป และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายจากการปรับปรุงที่ดิน ซ่อมแซมและต่อเติมสิ่งปลูกสร้าง ตลอดจนปลูกต้นไม้และจัดสวนเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องแย้งไปจนกว่าชำระเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากบ้านและที่ดินตามใบ ภ.บ.ท.5 หน่วยที่ 1 เลขสำรวจที่ 117/45 หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 3,000 บาท ให้แก่โจทก์นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 18 พฤศจิกายน 2547) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะออกจากบ้านและที่ดินพิพาท โดยให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 730,000 บาท และจำนวน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2547 ของต้นเงินจำนวน 730,000 บาท และนับแต่วันที่ 15 มีนาคม 2548 ของต้นเงินจำนวน 30,000 บาท เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง (ที่ถูก จำเลยที่ 2) ในส่วนค่าซ่อมแซมบ้าน (ที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำนวน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการเดียวว่า โจทก์ต้องคืนเงินจำนวน 730,000 บาท หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินพิพาทเนื้อที่ 10 ไร่ มีหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินเพียงใบเสร็จรับเงินภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) ที่ระบุว่า องค์การบริหารส่วนตำบลลิ่นถิ่นได้รับเงินภาษีบำรุงท้องที่จากโจทก์เดือนธันวาคม 2545 มกราคม 2546 และพฤษภาคม 2547 ที่ดินพิพาทจึงมีแต่เพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น การที่โจทก์ผู้จะขายทำสัญญากับจำเลยทั้งสองผู้จะซื้อว่า ที่ดินพิพาทราคา 1,500,000 บาท จะทำการโอนที่ดินใบ ภ.บ.ท.5 ให้แก่จำเลยทั้งสอง และจำเลยทั้งสองได้วางมัดจำให้โจทก์ไว้แล้วเป็นเงิน 730,000 บาท ตามหนังสือสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาวางมัดจำ โดยโจทก์ได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสองแล้ว เห็นว่า หนังสือสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาวางมัดจำ เป็นแบบพิมพ์สำเร็จรูป จึงมีการกรอกข้อความไปตามรายการในแบบพิมพ์เพื่อให้เป็นหลักฐานเท่านั้น แต่โดยเจตนาของโจทก์และจำเลยทั้งสองแท้ที่จริงแล้วเป็นการทำสัญญาซื้อขายสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทกันโดยมีการชำระเงินในวันทำสัญญา 730,000 บาท ส่วนที่เหลือ 770,000 บาท ตกลงให้ผ่อนชำระในอีก 5 เดือนเศษ เพราะที่ดินพิพาทไม่มีเอกสารแสดงสิทธิใด ๆ คงมีเพียงสิทธิครอบครองโดยการยึดถือเท่านั้น จึงสามารถโอนการครอบครองแก่กันได้ด้วยวิธีส่งมอบที่ดินที่ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 และไม่ต้องมีการจดทะเบียนโอนกันอีกแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ได้ทำการส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้จำเลยทั้งสองแล้ว จึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาครบถ้วน จำเลยทั้งสองย่อมมีหน้าที่ชำระราคาส่วนที่เหลือให้แก่โจทก์และเมื่อจำเลยทั้งสองไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือ 770,000 บาท แทนที่โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามสัญญา แต่โจทก์กลับมาฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ และจำเลยที่ 2 ก็ฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินค่าที่ดินที่รับไว้จำนวน 730,000 บาท กรณีจึงถือได้ว่าคู่สัญญาต่างสมัครใจเลิกสัญญาซื้อขายสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทต่อกัน คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคหนึ่ง โดยโจทก์ต้องคืนเงินจำนวน 730,000 บาท ที่รับไว้แก่จำเลยทั้งสอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์คืนเงินจำนวนนี้ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ