แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองขบรถแข่งขันกันด้วยความเร็ว ทำให้รถที่จำเลยที่ 1 ขับเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของ ว. ที่กำลังขับขึ้นมาจากทางแยกอย่างแรง รถของ ว. เสียหลักล้มลง ว. กระเด็นตกจากรถล้มลงและถูกรถที่จำเลยที่ 2 ขับแข่งขันกันมาในระยะกระชั้นชิดพุ่งเข้าชนขณะล้มลงอยู่บนถนน รถทั้งสามคันได้รับความเสียหาย ว. ถึงแก่ความตาย ส่วน ป. ซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถของจำเลยที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ แม้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมจนเป็นที่พอใจและโจทก์ร่วมไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลย แต่จำเลยนำเงินมาวางศาลจำนวน 10,000 บาท หลังจากศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาและจำเลยทั้งสองเพิ่งจะตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมในวันที่ยื่นฎีกา ซึ่งจำเลยทั้งสองไม่ได้สำนึกในการกระทำความผิดของตนโดยให้การปฏิเสธและสู้คดีตลอดมา จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซึ่งไม่ได้รับใบอนุญาตให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ขับรถโดยประมาทโดยจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยมีนางสาวปิยธิดา แสงสุรีย์ ผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายขับตามหลังรถของจำเลยที่ 1 ในลักษณะแข่งกัน ขณะนั้นมีนายวัชรินทร์ ชังช่างเรือ ขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ชุมพร ฆ-9831 ออกมาจากถนนทางแยก เป็นเหตุให้รถที่จำเลยที่ 1 ขับเฉี่ยวชนกับรถของนายวัชรินทร์อย่างแรง ทำให้รถเสียหลักล้มลงและนายวัชรินทร์กระเด็นตกจากรถแล้วรถที่จำเลยที่ 2 ขับตามรถของจำเลยที่ 1 มาพุ่งเข้าชนนายวัชรินทร์ เป็นเหตุให้นายวัชรินทร์ถึงแก่ความตายและทำให้รถทั้ง 3 คันได้รับความเสียหาย นางสาวปิยธิดาได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางพิมล ชังช่างเรือ ภริยาของนายวัชรินทร์ ชังช่างเรือ ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยทั้งสองอายุไม่เกินสิบเจ็ดปี ลดมาตราส่วนโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 คงจำคุกคนละ 6 เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสองขับรถแข่งขันกันด้วยความเร็ว ทำให้รถที่จำเลยที่ 1 ขับเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของนายวัชรินทร์ ชังช่างเรือ ที่กำลังขับขึ้นมาจากทางแยกอย่างแรง รถของนายวัชรินทร์เสียหลักล้มลง นายวัชรินทร์กระเด็นตกจากรถล้มลงและถูกรถที่จำเลยที่ 2 ขับแข่งขันกันมาในระยะกระชั้นชิดพุ่งเข้าชนขณะล้มอยู่บนถนน รถทั้งสามคันได้รับความเสียหาย นายวัชรินทร์ถึงแก่ความตาย นางสาวปิยธิดา แสงสุรีย์ ซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถของจำเลยที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองขับรถด้วยความประมาทขาดสำนึกและรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้ร่วมใช้ถนนรายอื่น จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายในชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง แม้จะได้ความว่าจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วม จนเป็นที่พอใจและโจทก์ร่วมไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยก็ตาม ก็เป็นการที่จำเลยนำเงินมาวางศาลจำนวน 10,000 บาท หลังจากศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาและจำเลยทั้งสองเพิ่งจะตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมในวันที่ยื่นฎีกา ซึ่งจำเลยทั้งสองไม่ได้สำนึกในการกระทำความผิดของตนโดยให้การปฏิเสธและสู้คดีตลอดมา จึงไม่มีเหตุสมควรปรานีโดยการรอการลงโทษจำคุกให้ แต่โทษที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดมานั้นหนักเกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่รูปคดี ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้ว คงจำคุกคนละ 3 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8