คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งเป็นเทศบาลมีหน้าที่ดูแลสะพานให้มีความมั่นคงแข็งแรง การที่จำเลยปล่อยปละละเลยให้สะพานผุพัง ราวสะพานเป็นช่องโหว่อยู่ก่อนผู้เสียหายตกลงไปไม่รีบซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยปลอดภัย นับว่าเป็นการประมาทเลินเล่อของจำเลยอันเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้เสียหายเมื่อพิเคราะห์ถึงการที่โจทก์ตกสะพานไป โดยไม่เดินอย่างคนธรรมดามัวแต่จับตาอยู่ดูการชกต่อยระหว่างเด็ก 2 คน เสียและเอาหลังพิงราวสะพานเอามือรูดไปจนถึงช่องโหว่จนตกไป เช่นนี้ เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความผิดของโจทก์อยู่ด้วย ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะความผิดของโจทก์มีส่วนประกอบด้วย ค่าสินไหมทดแทนอันโจทก์ควรจะได้รับมากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นประมาณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นเทศบาลเมือง ไม่ตรวจตราดูแลซ่อมแซมสะพานข้ามห้วยน้ำปุ๊ตอนที่ชำรุดหักพังให้ดีเป็นปกติ โจทก์คือเด็กหญิงศรีนวลเดินข้ามสะพานแล้วตกลงไปกระทบดินหรือหินกระดูกต้นขาซ้ายหักเดินไม่ได้ ทั้งนี้ เนื่องจากจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ซ่อมรั้วราวสะพาน ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 16,580 บาท ฯลฯ

จำเลยให้การว่า เหตุที่ตกเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง จำเลยมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 14,600 บาท พร้อมดอกเบี้ย ฯลฯ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นผู้ดูแลสะพานให้มีความมั่นคงแข็งแรงและเรียบร้อย การที่จำเลยปล่อยปละละเลยให้สะพานผุพัง ราวสะพานเป็นช่องโหว่อยู่ก่อนผู้เสียหายตกลงไปประมาณ 2 เดือน ไม่รีบซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยปลอดภัยจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายตกลงไปทางช่องโหว่นั้น ก็นับว่าเป็นการประมาทเลินเล่อของจำเลย อันเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้เสียหาย ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงการที่โจทก์ตกสะพานไปโดยไม่เดินอย่างคนธรรมดา มัวแต่จับตาอยู่ดูการชกต่อยระหว่างเด็ก 2 คนเสีย และเอาหลังพิงราวสะพานเอามือรูดไปจนถึงช่องโหว่จนตกไป เช่นนี้ เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความผิดของโจทก์อยู่ด้วยถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เพราะความผิดของโจทก์ประกอบด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ค่าสินไหมทดแทนอันโจทก์ควรจะได้รับมากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นประมาณ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223 โดยเฉพาะเรื่องนี้ศาลฎีกาเห็นสมควรให้โจทก์ได้รับค่าสินไหมทดแทน 7,300 บาท

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 7,300 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ

Share