คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7688/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาก็ตาม หากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมจะถูกยกไปในตัว ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำขอให้พิจารณาคดีใหม่หากจำเลยยังประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจำเลยก็ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234โดยต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง หาใช่ไม่ต้องนำเงินมาชำระหรือประกันให้ไว้ต่อศาลไม่แต่เมื่อจำเลยได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพียงว่า “รับอุทธรณ์คำสั่ง สำเนาให้โจทก์แก้” โดยที่มิได้สั่งเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยไม่วางเงินหรือหาประกันมาวางเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา จึงมีเหตุน่าเชื่อว่าจำเลยไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนที่จะไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ศาลชอบที่จะมีคำสั่งให้จำเลยปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวให้ถูกต้องเสียก่อนยังไม่ควรด่วนยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยเสีย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงิน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่อ้างว่าไม่ทราบวันนัดชี้สองสถานนั้นปรากฏว่าตามคำให้การ จำเลยได้เซ็นทราบกำหนดวันนัดชี้สองสถานไว้ถูกต้องแล้วข้ออ้างตามอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นข้ออ้างที่ไม่มีสาระ จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย

จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์สั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยโดยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ให้ยกคำร้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าเมื่อจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพียงว่ารับอุทธรณ์คำสั่งสำเนาให้โจทก์แก้เท่านั้นมิได้สั่งเกี่ยวกับเรื่องให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาหลักประกันให้ไว้ต่อศาลจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ทั้งกรณีนี้เป็นเรื่องจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ ไม่ใช่อุทธรณ์คำพิพากษา จึงไม่ต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลนั้น เห็นว่า แม้จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาก็ตาม หากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมจะถูกยกไปในตัว ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ หากจำเลยยังประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจำเลยก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 โดยต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง หาใช่ไม่ต้องนำเงินมาชำระหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลดังที่จำเลยฎีกาแต่อย่างใดไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพียงว่า “รับอุทธรณ์คำสั่งสำเนาให้โจทก์แก้” โดยที่ศาลชั้นต้นมิได้สั่งเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยไม่วางเงินหรือหาประกันมาวางเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา กรณีมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนที่จะไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จึงชอบที่จะมีคำสั่งให้จำเลยปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าวให้ถูกต้องเสียก่อน ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษายกคำสั่งศาลล่างทั้งสอง ให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางต่อศาลชั้นต้นหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้ หากจำเลยดำเนินการหรือไม่ดำเนินการภายในกำหนดดังกล่าวก็ให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งต่อไป

Share