แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยต้องกักขังตามอำนาจศาลอยู่ในคดีหนึ่ง แล้วหลบหนีไป ต่อมาอัยการจะมาฟ้องจำเลยผู้นั้นในอีกคดีหนึ่งโดยไม่มีตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมฟ้องนั้นไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันฆ่ากระบือโดยไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ ปรากฎว่าจำเลยที่ ๑ ต้องโทษเรื่องการพนัน ต้องกักขังแทนค่าปรับอยู่ ศาลได้เบิกตัวจำเลยที่ ๑ แต่ไม่ได้ตัวมา เพราะจำเลยที่ ๑ ได้หลบหนีไปเสียก่อนวันโจทก์ยื่นฟ้องแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องจำเลยที่ ๑ เพราะไม่มีตัวจำเลยที่ ๑ มาส่งศาลพร้อมกับฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า ศาลควรรับฟ้องแล้วจำหน่ายคดี เพราะจำเลยที่ ๑ ต้องขังในคดีการพนัน ถือว่าอยู่ในอำนาจศาลแล้ว และอายุความการฟ้องร้องจะได้สะดุดหยุดลงด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ หาได้ถูกสั่งขังในคดีที่ฟ้องนี้ไม่ เพราะได้หลบหนีไปก่อนโจทก์ยื่นฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๒ การฟ้องจะต้องมีตัวจำเลยมาศาล ส่วนตามมาตรา ๑๖๙ ที่ว่า เมื่อศาลประทับฟ้องแล้ว ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาศาล ให้ศาลออกหมายเรียกหรือหมายจับจำเลยได้นั้นมีความหมายใช้เฉพาะในคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์เท่านั้น ถ้าพนักงานอัยการเป็นโจทก์แม้ศาลจะสั่งให้ไต่สวนมูลฟ้อง ก็ยังต้องให้จำเลยมาศาล
จึงพิพากษายืน