คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

(1) เมื่อจำเลยซึ่งมีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินให้ตรงตามคำพรรณนา แม้จะส่งของทันเวลาแต่ไม่ตรงตามคำพรรณาในสัญญาจะบังคับให้โจทก์ผู้ซื้อยอมรับชำระหนี้บางส่วนหาได้ไม่และกรณีอย่างนี้ถือได้ว่าจำเลยไม่ชำระหนี้ตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ และโจทก์เรียกค่าเสียหายได้
(2) เรื่องจำนวนค่าเสียหาย เมื่อจำเลยไม่ได้อ้างว่าจำนวนที่ศาลล่างกำหนดมานั้นสูงเกินควรอย่างไรย่อมไม่มีเหตุที่ศาลสูงจะแก้
(3) เมื่อเอกสารที่โจทก์อ้างยันอยู่ว่าของที่ซื้อนั้นจำเลยเป็นผู้ออกเงินเองส่วนโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยซื้อ เมื่อโจทก์สืบหักล้างไม่ได้ว่าโจทก์ได้ออกเงินแทนไป ก็ต้องหักเงินจำนวนค่าซื้อของนี้ออก
(4) เมื่อศาลชั้นต้นกล่าวในคำพิพากษาว่า น้ำหนักของของที่ส่งไปขายยังสับสนกันอยู่แม้โจทก์จะแถลงว่าได้ขายของนั้นได้เงินมาจำนวนหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในเรื่องนี้ย่อมไม่มีประเด็นในชั้นศาลฎีกาที่จะวินิจฉัยเรื่องขายของในระหว่างคดี หากแต่ต้องว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดสัญญาซื้อขายแร่แมงกานิสส่งไปประเทศญี่ปุ่นขอให้คืนและใช้ค่าเสียหายรวม 5 รายการ ทั้งดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธหลายประการ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 คืนเงินและใช้ค่าเสียหายรวมทั้งดอกเบี้ยถึงวันฟ้องให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในจำนวนเงิน 125,204.83 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันที่โจทก์แจ้งให้ปฏิบัติตามสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2

โจทก์และจำเลยที่ 1, 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีโดยชอบ จำเลยที่ 1, 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์ พิพากษายืน

จำเลยที่ 1, 3 ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยดังต่อไปนี้.-

(1) ฎีกาจำเลยว่า สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาซื้อขายแร่เด็ดขาดเฉพาะคราวที่ส่งมอบ กรรมสิทธิ์ในสินแร่ที่ส่งมอบตกเป็นของโจทก์ ถ้าทรัพย์สูญหายระหว่างทางโจทก์เลิกสัญญาและเรียกเงินคืนไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่ใช่ปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ส่งมอบแล้วตกอยู่กับผู้ซื้อ และการเสี่ยงภัยพิบัติในทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งสัญญา แต่เป็นปัญหาในเรื่องจำเลยชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามสัญญาอันเป็นมูลหนี้

(2) จำเลยฎีกาว่า มิได้ผิดสัญญา คือได้ส่งมอบสินแร่ถูกต้องตามคุณภาพ ปริมาณและทันเวลาตามสัญญานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่มีเหตุผลพอที่จะฟังว่ามีสิ่งอื่นปนเข้าไปดังจำเลยโต้เถียง แม้แร่ส่งทันเวลาแต่ก็ไม่ตรงตามคำพรรณาในสัญญา ไม่มีทางเถียงว่าไม่ผิดสัญญา เมื่อปรากฏว่าแร่ที่ส่งไป 187 ตัน มีคุณภาพผิดไปจากสัญญา ส่วนที่ส่งมาอีก 13 ตันเมื่อโจทก์ไม่ยอมรับ จะบังคับโจทก์ให้รับชำระหนี้บางส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 320 หาได้ไม่ และถือได้ว่าจำเลยไม่ชำระหนี้ให้ตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

(3) จำนวนค่าเสียหาย จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้ขายแร่ให้บริษัทมัดซุซิตะ จึงไม่มีผลกำไร และไม่มีค่าที่ถูกผู้ซื้อปรับ ฯลฯ นั้นศาลฎีกาเห็นว่า เหตุผลที่จำเลยอ้างมาไม่พอที่จะฟังว่าไม่มีการซื้อขายแร่ระหว่างโจทก์กับบริษัทมัดซุซิตะ และตามเอกสาร จ.35 ข้อ 3 แสดงว่าโจทก์กำลังรวบรวมค่าเสียหายรวมทั้งค่าปรับในญี่ปุ่นอยู่ด้วยจำเลยเถียงเพียงว่ามิได้มีการขายแร่แต่มิได้อ้างว่าจำนวนที่ศาลล่างกำหนดมานั้นสูงเกินควรอย่างไร จึงไม่มีเหตุที่จะแก้

(4) จำเลยฎีกาว่า ค่าระวางโจทก์ต้องเสียเอง จะคิดจากจำเลยไม่ได้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะเป็นอย่างจำเลยอ้าง ก็เป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์โดยต้องเสียเงินนั้นไปเมื่อโจทก์หักค่าใช้จ่ายออกจากกำไรที่โจทก์ควรได้รับแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะแก้ไข

(5) เงินค่าทดรองกระสอบป่านรวม 2 ครั้ง 15,600 บาท ซึ่งโจทก์ว่าจ่ายแทนจำเลยไปครั้งที่ 2, 3 ตามฟ้องจำเลยฎีกาว่า หนังสือของโจทก์ลงวันที่ 6 กันยายน 2501 เอกสาร จ.34 ระบุว่าจำเลยออกเงินให้โจทก์ช่วยซื้อกระสอบให้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อเอกสาร จ.34 มีข้อความดังกล่าวก็ต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ยังแสดงไม่ได้ว่าโจทก์ได้ออกเงินแทนจำเลยไป ต้องหักเงินจำนวนนี้ออกไปจากจำนวน 229,282.78 บาท คงเหลือที่จำเลยต้องรับผิดในยอดเงินที่รับไปจากโจทก์เพียง 213,682.78 บาท ส่วนดอกเบี้ยที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ตั้งแต่วันที่จำเลยรับเงินทุกจำนวนไปตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์คำนวณค่าเสียหายจากผลกำไรที่ควรจะได้เป็นหลักแล้วกำไรนั้นย่อมหมายความถึงจำนวนที่โจทก์ควรจะได้ในกรณีที่จำเลยปฏิบัติครบถ้วนตามสัญญา ไม่มีการคืนเงินที่โจทก์จ่ายให้จำเลยไปซึ่งย่อมจะไม่มีดอกเบี้ยในการคืนเงินเลย โจทก์จึงคิดดอกเบี้ยในเงินที่จะต้องคืนตั้งแต่วันที่โจทก์จ่ายเงินให้จำเลยไปซ้อนกำไรที่โจทก์เรียกร้องอีกด้วยไม่ได้ ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์จากเงินจำนวนนี้ควรกำหนดเป็นดอกเบี้ยให้ตั้งแต่วันฟ้องเท่านั้น

ข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ควรต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายเลย คงมีข้อที่จะแก้ไขเพียงเท่านี้

(6) ที่จำเลยขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อที่โจทก์ขายแร่ของจำเลยในประเทศญี่ปุ่นในระหว่างคดีนั้น ข้อนี้ศาลชั้นต้นกล่าวไว้ในคำพิพากษาว่าแร่ 187 ตัน ที่โจทก์ส่งไปประเทศญี่ปุ่น โจทก์แถลงว่าขณะนี้ได้ขายแล้วได้เงินจำนวนหนึ่ง น้ำหนักของแร่ที่ขายยังสับสนกันอยู่ฟังแน่ชัดไม่ได้ เงินที่ขายแร่ได้นี้เมื่อโจทก์มาแถลงต่อศาล ศาลก็ได้แต่รับทราบไว้ เพราะไม่มีประเด็นที่จะให้ศาลสั่งเป็นประการใดในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้เป็นประการใด จึงไม่มีข้อที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยในคดีนี้ แม้โจทก์จะต้องคืนแร่หรือเงินค่าขายแร่นี้แก่จำเลย แต่เมื่อยังเป็นข้อโต้แย้งกัน ก็เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่ง

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินแก่โจทก์ 434,567.15 บาท ให้จำเลยที่ 3 รับผิดด้วยในจำนวน 125,204.83 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ฯลฯ

Share