คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7648/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พยานหลักฐานโจทก์ชวนให้สงสัยว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 300 เม็ด กับฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 2 ชิ้นหรือไม่ ศาลต้องพิพากษายกฟ้องและถือว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองด้วย แม้ความผิดฐานนี้จะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 10 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง คืนธนบัตรของกลางจำนวน 14,000 บาท ให้แก่เจ้าของ
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่), 67 (ที่แก้ไขใหม่), 102 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจำเลยที่ 2 ต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 10 การกระทำของความจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 10 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 30 ปี ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 11 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง คืนธนบัตรของกลางจำนวน 14,000 บาท ให้แก่เจ้าของ
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานร่วมกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 300 เม็ด ของกลาง กับความผิดฐานร่วมกับพวกมีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 2 ชิ้น ของกลางไว้ในครอบครอง โดยในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจยึดได้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 300 เม็ด ของกลาง กับเมทแอมเฟตามีนอีก 2 ชิ้น ของกลางและธนบัตรของกลางจำนวน 14,000 บาท ที่ใช้ในการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีน กับจับจำเลยทั้งสองดำเนินคดีนี้ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 มีว่า จำเลยที่ 2 ได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาล้วนเป็นพิรุธ ชวนให้สงสัยว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 300 เม็ด กับอีก 2 ชิ้น ของกลางตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลต้องพิพากษายกฟ้องและถือว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองด้วย แม้ความผิดฐานนี้จะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share