คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ลูกหนี้ขายทอดตลาดบังคับคดี ผู้รับจำนองทรัพย์ที่ถูกบังคับคดีร้องขอต่อศาลให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดนั้นชำระหนี้แก่ตนก่อนเจ้าหนี้อื่นได้ ถ้าลูกหนี้อ้างว่าสัญญาจำนองที่ผู้รับจำนองยกขึ้นมาอ้างอิงนั้นไม่สมบูรณ์ ลูกหนี้นั้นก็มีสิทธิให้การต่อสู้คดีกับผู้รับจำนองได้ และกรณีเช่นนี้ ศาลดำเนินคดีไปเหมือนคดีมีข้อพิพาทระหว่างผู้รับจำนองและลูกหนี้
สัญญาจำนองนั้น ระบุจำนวนเงินชั้นสูงสุดที่ได้เอาทรัพย์สินจำนองนั้นตราไว้เป็นประกันตามที่บังคับไว้ใน ป.ม.แพ่งฯมาตรา 708 แล้วก็ใช้ได้กฎหมายมาตรานี้หาได้บังคับให้ต้องระบุถึงมูลหนี้เดิมลงไว้ในสัญญาจำนองว่าหนี้เดิมเป็นหนี้อะไรด้วยไม่

ย่อยาว

คดีเดิมถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่ใช้เงิน ๔๐๐๐๐ บาท ให้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์นำยึดที่ดินเรือนแถวโรงสีและยุ้งข้าวของจำเลย และศาลได้ประกาศกำหนดวันขายทอดตลาดไว้แล้ว
กรมสรรพสามิตต์ยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่จะขายทอดตลาดนี้จำเลยได้จำนองแก่ทางกรมสรรพสามิตน์เป็นประกันการชำระหนี้ ซึ่งจำเลยเป็นหนี้กรมสรรพาสามิตต์อยู่ ๖๐๙๓๒ บาท ๔๔ สตางค์จึงขอให้ศาลสั่งเอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้ชำระหนี้ (จำนอง) แก่กรรมสรรพสามิตต์ก่อนเจ้าหนี้อื่น
จำเลยรับว่า ได้ทำจำนองไว้จริง แต่ต่อสู้ว่าสัญญาไม่สมบูรณ์
ศาลจังหวัดแม่สอดสอบผู้ร้องและจำเลยแถลงรับกันว่าจำเลยเป็นหนี้ค่าธรรมเนียมพิเศษในการที่จำเลยรับเหมาต้มกลั่นสุราที่อำเภอแม่สอด หนี้ตามสัญญาจำนองฉะบับหนึ่งถึงกำหนดแล้ว จำเลยมิได้ชำระ
แล้วผู้ร้องและจำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีต้องตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๘๙ สัญญาจำนองสมบูรณ์พิพากษาให้เอาเงินที่จะได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้ชำระหนี้ ๖๐๙๓๒ บาท ๔๔ สตางค์ และค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความ ๑๐๐ บาท ให้กรมสรรพสามิตต์ก่อนเจ้าหนี้อื่น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในสัญญาจำนองรายนี้ได้ระบุจำนวนเงินขั้นสูงสุดที่ได้เอาทรัพย์สินจำนองนั้นตราไว้เป็นประกันตามที่บังคับไว้ใน ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๗๐๘ แล้ว กฎหมายมาตรานี้หาได้บังคับให้ต้องระบุถึงมูลหนี้เดิมลงไว้ในสัญญาจำนองว่า หนี้เดิมเป็นหนี้อะไรด้วยไม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ฯลฯ
ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

Share