แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162 ที่ว่า’ถ้าฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว……….ในคดีราษฎรเป็นโจทก์ให้ไต่สวนมูลฟ้องฯลฯ นั้นหมายความว่าเมื่อโจทก์ฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ยังไม่มีการกระทำแสดงออกให้เป็นการยืนยันหรือสนับสนุนคำฟ้องนั้นจึงให้ศาลทำการไต่สวนมูลฟ้องเสียก่อน และถ้าศาลเห็นว่าเท่าที่พยานโจทก์เบิกความชั้นไต่สวนมูลฟ้อง จะเป็นพยานกี่คนก็ตาม ทำให้คดีพอวินิจฉัยได้แล้วศาลก็อาจสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่เหลืออยู่เสียก็ได้
โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว ศาลสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องเมื่อถึงวันนัด โจทก์แถลงต่อศาลศาลจดข้อแถลงรับของโจทก์ไว้แล้วสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานโจทก์เสียเช่นนี้ก็เท่ากับว่าที่โจทก์แถลงต่อศาล ศาลจดคำแถลงของโจทก์ไว้นั้น เป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ศาลพอจะยกขึ้นวินิจฉัยแล้ว แล้ววินิจฉัยและพิพากษาคดีของโจทก์ไป จึงไม่เป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา162(1)
ตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 6(พ.ศ.2506)ว่าด้วยการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ข้อ 6 กำหนดไว้ว่า ‘ในกรณีที่เจ้าอาวาสไม่อยู่และไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ชั่วครั้งคราวให้เจ้าอาวาสสั่งแต่งตั้งรองเจ้าอาวาสผู้ช่วยเจ้าอาวาส หรือพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่เห็นสมควร เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส’ นั้นหมายถึงกรณีที่เจ้าอาวาสไม่อยู่. และไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ชั่วครั้งคราวเท่านั้นถ้าเจ้าอาวาสยังอยู่ประจำที่วัดเจ้าอาวาสก็ไม่มีอำนาจที่จะแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสและในกรณีที่เจ้าอาวาสไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เพราะเหตุใดเหตุหนึ่งตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 6ข้อ 5 เป็นอำนาจเจ้าคณะตำบลที่จะแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสการที่เจ้าอาวาสตั้งผู้รักษาการแทนเสียเอง จึงไม่ชอบผู้ที่เจ้าอาวาสแต่งตั้งจึงไม่มีสิทธิและอำนาจหรือหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนเจ้าอาวาส
อำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลหยิบยกขึ้นพิจารณาเองได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิทองและได้รับมอบอำนาจจากเจ้าอาวาสวัดโพธิทองให้เป็นโจทก์ฟ้องนายวันเดิมธชาศรี ฐานทุจริตต่อหน้าที่ และยักยอกเงินของวัด จำเลยที่ 1, 2, 3และ 4 ได้สมคบกันใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่งตั้งจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิทองโดยเจตนาไม่สุจริต เพื่อให้โจทก์พ้นตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสและหมดสิทธิในการดำเนินคดีแก่นายวันเดิมแทนวัดโพธิทอง ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือนายวันเดิมมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง คำสั่งแต่งตั้งจำเลยที่ 4 ให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิทองจึงเป็นโมฆะ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 184 และ 83 และสั่งเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่แต่งตั้งจำเลยที่ 4 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิทอง ห้ามมิให้จำเลยที่ 4 เข้ามาเกี่ยวข้องในวัดโพธิทอง เข้ามาจัดกิจการหรือจัดการทรัพย์สินของวัดโพธิทอง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์แถลงว่า ที่โจทก์ฟ้องว่าพวกจำเลยช่วยเหลือนายวันเดิมมิให้ต้องรับโทษนั้น เพราะพวกจำเลยได้สมคบกันแต่งตั้งจำเลยที่ 4 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิทองโจทก์ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าอาวาสวัดโพธิทองให้ฟ้องนายวันเดิมว่าทุจริตต่อหน้าที่และยักยอกเงินวัดโพธิทอง เมื่อจำเลยมาสั่งเปลี่ยนตัวผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสเสียใหม่เช่นนี้ ก็จะมีผลให้คดีเดิมระงับไป การสั่งแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสคนใหม่ของพวกจำเลย เป็นการช่วยเหลือนายวันเดิมมิให้ต้องรับโทษ ตอนที่เจ้าอาวาสแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสนั้น เจ้าอาวาสก็ยังคงอยู่ที่วัดโพธิทอง ไม่ได้ไปไหน แต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เพราะเป็นลมเสมอ
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูลทั้งทางอาญาและทางแพ่ง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์แล้วพิจารณาสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในผลแห่งคดี
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลสั่งงดสืบพยาน
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162ที่ว่า “ถ้าฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว…ในคดีราษฎรเป็นโจทก์ให้ไต่สวนมูลฟ้อง ฯลฯ” นั้นหมายความว่าเมื่อโจทก์ต้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ยังไม่มีการกระทำแสดงออกให้เป็นการยืนยันหรือสนับสนุนคำฟ้องนั้น จึงให้ศาลทำการไต่สวนมูลฟ้องเสียก่อนและถ้าศาลเห็นว่าเท่าที่พยานโจทก์เบิกความชั้นไต่สวนมูลฟ้องจะเป็นพยานกี่คนก็ตาม ทำให้คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ศาลก็อาจสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่เหลืออยู่เสียก็ได้
โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว ศาลสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อถึงวันนัดโจทก์แถลงต่อศาล ๆ จดข้อแถลงรับของโจทก์ไว้แล้ว สั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานโจทก์เสียเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าที่โจทก์แถลงต่อศาล ศาลจดคำแถลงของโจทก์ไว้นั้นเป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ศาลพอจะยกขึ้นวินิจฉัยแล้ว แล้ววินิจฉัยและพิพากษาคดีของโจทก์ไป จึงไม่เป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162(1)
ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2506) ว่าด้วยการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ข้อ 6 กำหนดไว้ว่า “ในกรณีที่เจ้าอาวาสไม่อยู่ และไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ชั่วครั้งคราวให้เจ้าอาวาสสั่งแต่งตั้งรองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส หรือพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่เห็นสมควรเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส” นั้น หมายถึงกรณีที่เจ้าอาวาสไม่อยู่และไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ชั่วครั้งคราวเท่านั้นถ้าเจ้าอาวาสยังอยู่ประจำที่วัด เจ้าอาวาสก็ไม่มีอำนาจที่จะแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส และในกรณีที่เจ้าอาวาสไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 6 ข้อ 5 เป็นอำนาจเจ้าคณะตำบลที่จะแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส การที่เจ้าอาวาสตั้งผู้รักษาการแทนเสียเองจึงไม่ชอบ ผู้ที่เจ้าอาวาสแต่งตั้งจึงไม่มีสิทธิละอำนาจหรือหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนเจ้าอาวาส นอกจากนี้ยังปรากฏว่า พระครูวินัยธรน้อยเจ้าอาวาสวัดโพธิทองได้ถึงแก่มรณภาพ ทำให้วัดโพธิทองไม่มีเจ้าอาวาสซึ่งตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2506) ข้อ 4 กำหนดให้เจ้าคณะตำบลแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสได้ ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าคณะตำบลแต่งตั้งจำเลยที่ 4 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิทอง จึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตามกฎมหาเถรสมาคมและโดยเหตุที่การแต่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิทองนั้น ไม่ชอบด้วยกฎมหาเถรสมาคมดังกล่าวแล้ว จึงไม่ทำให้เรื่องการที่จำเลยที่ 1 ตั้งจำเลยที่ 4 เป็นการตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสซ้อนขึ้นมา เพราะโจทก์ไม่มีสภาพเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสแต่ต้นแล้ว เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีนี้ ภายหลังที่เจ้าอาวาสวัดโพธิทองมรณภาพแล้ว และเป็นเวลาภายหลังที่จำเลยที่ 1 แต่งตั้งจำเลยที่ 4 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิทองแล้ว โจทก์จึงไม่มีเหตุผลตลอดจนบทกฎหมายแต่ประการใด ที่จะพึงอ้างว่าโจทก์เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโพธิทองได้โดยชอบ มาฟ้องกล่าวหาจำเลยเป็นคดีนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางอาญาหรือทางแพ่ง
อำนาจฟ้องคดีเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลหยิบยกขึ้นพิจารณาเองได้
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์