คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นของจำเลย. จำเลยยอมให้ผู้ร้องไปขอออกโฉนดที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ถือได้ว่าจำเลยได้ยกที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องโดยเสน่หาโดยที่จำเลยรู้อยู่ว่าจะทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบเพราะจำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นจะชำระหนี้อีกแม้ผู้ร้องจะไม่รู้ถึงความจริงว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ก็ไม่สำคัญเพียงแต่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้รู้ฝ่ายเดียวก็พอแล้วโจทก์ชอบที่จะขอให้เพิกถอนการให้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ร้อง ไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลย ขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึด

โจทก์แถลงคัดค้านว่า ที่ดินที่ยึดเป็นของจำเลย จำเลยยกให้แก่ผู้ร้องโดยเสน่หา ทำให้โจทก์เสียเปรียบ เพราะจำเลยไม่มีทรัพย์อื่นอีก เป็นการฉ้อฉลเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิของผู้ร้องตามโฉนด

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 รู้เห็นเป็นใจให้ผู้ร้องออกโฉนดที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ทำให้โจทก์เสียเปรียบโจทก์ขอเพิกถอนได้ ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 2 ยอมให้ผู้ร้องไปขอออกโฉนดที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ถือได้ว่าผู้ร้องได้ยกที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องโดยเสน่หา โดยที่ จำเลยที่ 2 รู้อยู่ว่าจะทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบเพราะจำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นจะชำระหนี้อีก แม้ผู้ร้องจะไม่รู้ว่าจำเลยที่ 2เป็นลูกหนี้โจทก์ก็ไม่สำคัญ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้รู้ฝ่ายเดียวก็พอแล้ว โจทก์ชอบที่จะขอให้เพิกถอนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237

พิพากษายืน ยกฎีกาผู้ร้อง

Share