คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความในมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายลักษณะอาญาทหาร มีบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่าถ้านายทหารผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร เห็นสมควรให้นำความผิดฟ้องร้องต่อศาลแล้วผู้บังคับบัญชาจะสั่งลงโทษทางวินัยไม่ได้ จะต้องเป็นไปตามคำสั่งของนายทหารผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร
จำเลยเป็นนายสิบเวรของกองร้อย ได้ละทิ้งหน้าที่ไปจนคนร้ายลักปืนกลเบาของกองร้อยไป ผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้สั่งลงทัณฑ์ขัง 15 วัน แล้วต่อมาผู้มีอำนาจตั้งศาลทหารได้มีคำสั่งตั้งกรรมการศาลขึ้นพิจารณาพิพากษาการกระทำของจำเลย ซึ่งเป็นอำนาจสูงกว่าคำสั่งผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์ ดังนี้ ไม่ตัดอำนาจของผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร ที่จะสั่งฟ้องร้องจำเลยได้

ย่อยาว

ความว่า จำเลยมีหน้าที่ เป็นนายสิบเวรของกองร้อย ในระยะเวลาอันเป็นหน้าที่ราชการของจำเลย จำเลยได้ละทิ้งหน้าที่ออกจากกองร้อยไปเสีย ระหว่างจำเลยละทิ้งหน้าที่ไป ได้มีคนร้ายลักปืนกลเบาไป5 กระบอก ผู้บังคับกองร้อยและกองทัพ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยเห็นว่า การกระทำผิดของจำเลยเป็นฐานผิดวินัย จึงสั่งให้ลงทัณฑ์ขังจำเลย 15 วัน ครั้นต่อมาได้ทำการสอบสวน และฟ้องเป็นคดีนี้ขึ้น ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญาทหาร มาตรา 29(3) จำเลยให้การรับว่าได้ละทิ้งหน้าที่จริง แต่ได้ถูกลงทัณฑ์ทางวินัยแล้ว ศาลจังหวัดทหารบกอุบล เห็นว่า ผู้บังคับบัญชาได้ลงทัณฑ์ไปแล้ว ศาลจะลงโทษซ้ำอีกไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง ศาลทหารกลางพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 3 ปีลดฐานสารภาพคงจำคุก 2 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ความในมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายลักษณะอาญาทหารมีบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า ถ้านายทหารผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร เห็นสมควรให้นำความผิดฟ้องร้องต่อศาลแล้วจะต้องเป็นไปตามคำสั่งของนายทหารผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร เรื่องนี้ผู้มีอำนาจตั้งศาลทหาร ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการศาลขึ้นพิจารณาพิพากษาการกระทำของจำเลย ซึ่งเป็นอำนาจสูงกว่าผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ได้สั่งลงทัณฑ์

พิพากษายืน

Share