แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คู่ความแถลงท้ากันว่า ขอให้ศาลวินิจฉัยเพียงฟ้องโจทก์อย่างเดียวว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ถ้าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ยอมแพ้คดีทุกประการ ถ้าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยยอมแพ้คดี ยินดีปฏิบัติตามคำขอท้ายฟ้องทุกประการ ดังนี้ การที่จำเลยผ่อนชำระหนี้ครั้งหลังสุดภายในอายุความย่อมทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 คดีโจทก์จึงยัง ไม่ขาดอายุความ จำเลยต้องแพ้คดีตามคำท้า
โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงฟ้องอย่างเดียวว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ ศาลจึงต้องวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในฟ้องเท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จนกว่าจำเลยชำระให้โจทก์ครบ ดังนี้ย่อมเข้าใจได้ว่าให้ชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าซื้อเชื่อของให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความ
คู่ความแถลงท้ากันว่า ขอให้ศาลวินิจฉัยเพียงฟ้องโจทก์อย่างเดียวว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ถ้าฟ้องโจทก์ขาดอายุความโจทก์ยอมแพ้คดีทุกประการ ถ้าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยยอมแพ้คดี ยินดีปฏิบัติตามคำขอท้ายฟ้องทุกประการ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยซื้อเชื่อสินค้าจากโจทก์ และผ่อนชำระเรื่อยมาครั้งสุดท้ายได้ผ่อนชำระหนี้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2506 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2507 คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ เพราะการชำระหนี้ครั้งหลังทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 จำเลยต้องแพ้คดีตามคำท้า
โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงฟ้องอย่างเดียวว่า คดีขาดอายุความหรือไม่ ศาลจึงต้องวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในฟ้องเท่านั้น ฟ้องจะจริงเท็จอย่างไร ไม่ต้องพิจารณากันต่อไป
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จนกว่าจำเลยชำระให้โจทก์ครบ ดังนี้ ย่อมเข้าใจได้ว่าให้ชำระดอกเบี้ย นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย