คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานศาลขายทอดตลาดฝนกำลังตกหนัก จำเลยมาสายไป 20 นาที จะขอชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานแจ้งว่า ขายแล้ว จึงขอให้จำเลยวางเงินชำระหนี้ โจทก์และคืนทรัพย์ที่ยึดให้จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์อ้างเหตุว่า ในวันขายทรัพย์ยังไม่หมดเวลาทำงาน จำเลยมีความชอบธรรมที่จะนำเงินมาชำนะหนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลขายทอดตลาดแล้ว แต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ ยังมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายต่อกรมการอำเภอ จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้ ดังนี้ วินิจฉัยว่า จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

คดีนี้ มีปัญหาในชั้นบังคับคดี คือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่นาของจำเลยแปลงหนึ่ง แล้วขายทอดตลาดไป โจทก์เป็นผู้ประมูลได้ในราคา ๒๘๐๐ บาท จึงขอตกลงขายให้แก่โจทก์ ๆ ได้วางเงินครบถ้วนแล้ว ในวันเดียวกันนั้นเองหลังจากการขายทอดตลาดเสร็จไปแล้ว จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลว่า เจ้าพนักงานศาลขายทอดตลาดฝนกำลังตกหนัก จำเลยมาสายไป ๒๐ นาที เข้าพบเจ้าพนักงานผู้ขาย เพื่อขอชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานแจ้งว่า ขายเสียแล้ว จึงขอให้จำเลยวางเงินชำระหนี้ให้โจทก์และคืนทรัพย์ที่ยึดให้แก่จำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลขายทอดตลาดตามกำหนดของศาลไปแล้ว ไม่มีทางจะคืนทรัพย์หรือรับเงินจากจำเลยได้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเห็นว่า จำเลยคัดค้านว่าที่ดินมีราคาสูงประมาณ ๖๐๐๐ บาท – ๗๐๐๐ บาท การขายทอดตลาดมีผู้ปรัมูลไม่กี่คน จำเลยไม่ทราบว่ามีการขายทอดตลาดวันไหน เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม มาตรา ๒๔๘ ป.ม.วิ.แพ่ง ส่วนที่คัดค้านว่า แม้ศาลขายทอดตลาดแล้ว แต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ยังมิได้ทำนิติกรรมการซื้อขายต่อกรมการอำเภอ จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้นั้น จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นนี้++วินิจฉัย
จึงพิพากษายืน ++ จำเลย

Share