แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยต้องรับผิดตามเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 900 การที่จำเลยขอหักกลบลบหนี้เงินค่าแชร์กับหนี้เงินต้นเงินยืมตามเช็คพิพาทกับดอกเบี้ยนั้น ถือว่าจำเลยประสงค์จะนำหนี้ค่าแชร์ที่โจทก์อ้างว่าเป็นหนี้จำเลยจำนวน 800,000 บาท มาหักกลบลบหนี้กับหนี้ตามเช็คพิพาทในชั้นศาล โจทก์นำสืบโต้เถียงว่าโจทก์กับจำเลยได้ตกลงหนี้สินระหว่างกันแล้วโดยให้หักค่าแชร์ที่โจทก์จะต้องชำระอีก 1,200,000 บาท กับหนี้เงินยืมที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ เมื่อตกลงแล้วโจทก์ได้คืนเช็คตามจำนวนหนี้ที่หักหนี้ให้แก่จำเลยและจำเลยมีหน้าที่ชำระค่าแชร์แทนโจทก์ หลังจากหักหนี้กันแล้วจำเลยยังค้างชำระหนี้โจทก์จำนวน 759,040 บาท ซึ่งจำเลยได้สั่งจ่ายเป็นเช็ค 4 ฉบับ อันเป็นการต่อสู้ว่าหนี้ค่าแชร์ที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นระงับไปแล้วด้วยการหักกลบลบหนี้ โจทก์ไม่มีหนี้ที่ต้องชำระแก่จำเลยอีก ถือได้ว่าสิทธิเรียกร้องที่จำเลยนำมาหักกลบลบหนี้ยังมีข้อต่อสู้อยู่ซึ่ง ป.พ.พ. มาตรา 344 บัญญัติว่า “สิทธิเรียกร้องใดยังมีข้อต่อสู้อยู่ สิทธิเรียกร้องนั้นท่านว่าหาอาจจะเอามาหักกลบลบหนี้ได้ไม่” ดังนั้นจำเลยจึงนำสิทธิเรียกร้องค่าแชร์ที่ชำระแทนโจทก์ไปขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ตามเช็คพิพาทไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็ค 4 ฉบับ รวมจำนวนเงิน 796,992 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 759,040 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งว่าจำเลยขอหักกลบลบหนี้ค่าแชร์กับหนี้เงินยืมตามเช็คพิพาทและดอกเบี้ย เมื่อหักแล้วจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์อีก 6 บาท และขอให้พิพากษาให้โจทก์ชำระเงินค่าไก่และค่าขนส่งที่ค้างชำระจำนวน 12,376 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าไม่ได้ค้างชำระค่าไก่และค่าขนส่ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 759,040 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27 มกราคม 2541 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 37,952 บาท และให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 12,376 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องแย้ง (2 พฤศจิกายน 2541) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คอ้างว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้เงินยืม จำเลยให้การในส่วนเช็คพิพาทว่าเมื่อจำเลยหักกลบลบหนี้ราคาไก่ที่โจทก์เป็นหนี้จำเลยกับหนี้เงินยืมแล้ว จำเลยยังเป็นหนี้ต้นเงินยืมตามเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ เป็นเงิน 759,040 บาท ซึ่งเท่ากับจำเลยให้การยอมรับว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้เงินยืมให้แก่โจทก์ เช็คพิพาทจึงมีมูลหนี้ จำเลยต้องรับผิดตามเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 การที่จำเลยให้การต่อมาอ้างว่าโจทก์เป็นหนี้ค่าแชร์ไม่ยอมชำระหนี้แก่ลูกแชร์ แต่ให้จำเลยชำระค่าแชร์แทนโจทก์ไป 8 งวด เป็นเงิน 800,000 บาท จำเลยย่อมเป็นเจ้าหนี้โจทก์ที่จะได้รับชดใช้คืนจากโจทก์ จำเลยขอหักกลบลบหนี้เงินค่าแชร์กับหนี้ต้นเงินยืมตามเช็คพิพาทกับดอกเบี้ยนั้น เห็นว่า ตามคำให้การจำเลยถือว่าจำเลยประสงค์จะนำหนี้ค่าแชร์ที่อ้างว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลยจำนวน 800,000 บาท มาหักกลบลบหนี้ตามเช็คพิพาทในชั้นศาล โจทก์นำสืบโต้เถียงว่าโจทก์กับจำเลยได้ตกลงหนี้สินระหว่างกันแล้วโดยให้หักค่าแชร์ที่โจทก์จะต้องชำระอีก 1,200,000 บาท กับหนี้เงินยืมที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ เมื่อตกลงแล้วโจทก์ได้คืนเช็คตามจำนวนที่หักหนี้ให้แก่จำเลยและจำเลยมีหน้าที่ชำระค่าแชร์แทนโจทก์ หลังจากหักหนี้กันแล้วจำเลยยังค้างชำระหนี้โจทก์จำนวน 759,000 บาท ซึ่งจำเลยได้สั่งจ่ายเป็นเช็คพิพาท 4 ฉบับ อันเป็นการต่อสู้ว่าหนี้ค่าแชร์ที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นระงับไปแล้วด้วยการหักกลบลบหนี้โจทก์ไม่มีหนี้ที่ต้องชำระแก่จำเลยอีก ถือได้ว่าสิทธิเรียกร้องที่จำเลยนำมาขอหักกลบลบหนี้ยังมีข้อต่อสู้อยู่ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 บัญญัติว่า “สิทธิเรียกร้องใดยังมีข้อต่อสู้อยู่ สิทธิเรียกร้องนั้นท่านว่าหาอาจจะเอามาหักกลบลบหนี้ได้ไม่ ดังนั้นจำเลยจึงนำสิทธิเรียกร้องค่าแชร์ที่ชำระแทนโจทก์ไปมาขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ตามเช็คพิพาทไม่ได้ ทั้งไม่มีข้อที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่าหนี้ค่าแชร์ที่จำเลยชำระแทนโจทก์ไปจำนวน 800,000 บาท ระงับไปด้วยการหักกลบลบหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยแล้วหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้โจทก์ชำระหนี้ราคาไก่แก่จำเลยจำนวน 12,376 บาท ตามฟ้องแย้ง คดีถึงที่สุดแล้ว เพื่อความสะดวกในการบังคับคดีเห็นควรนำหนี้ที่โจทก์ต้องชำระแก่จำเลยมาหักกับหนี้ที่จำเลยต้องชำระตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ คงเหลือหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระจำนวน 746,664 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 746,664 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27 มกราคม 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่เกิน 37,952 บาท) นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.