แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นำเงินตราต่างประเทศเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษและริบเงินตราต่างประเทศของกลางทั้งหมดแล้ว จำเลยมิได้อุทธรณ์ ฎีกาโต้แย้งประการใดแล้วภายหลังจะมาร้องขอเงินตราต่างประเทศของกลางคืนบางส่วน โดยอ้างว่าเป็นจำนวนเงินที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอนุญาตให้นำคิดตัวเข้ามาในราชอาณาจักรนั้น ย่อมไม่ได้ เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยนำเงินตราต่างประเทศเป็นธนบัตรดอลล่า เข้ามาในราชอาณาจักรไทย คิดเป็นเงินไทย ๖๖๔๐ บาท ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอนุญาตให้นำติดตัวเข้ามาได้เพียง ๓๕๐๐ บาท จำเลยจึงนำเงินตราต่างประเทศดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นราคา ๓๑๔๐ บาท ขอให้ลงโทษริบของกลาง ฯลฯ
จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย ๔ เท่าของจำนวนเงิน ๓๑๔๐ บาท ริบของกลาง ฝ่ายจำเลยร้องขอคืนเงินของกลาง ๓๕๐๐ บาท อ้างว่าเป็นเงินที่รัฐมนตรีคลังอนุญาตให้นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้
ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้สั่งริบตามมาตรา ๓๔ พ.ร.บ.ศุลกากร ๓๔๖๙ ไม่มีทางจะคืนให้ได้
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลได้พิพากษาให้ริบเงินของกลางโดยไม่ได้แปลว่า ริบเท่าใด ไม่ริบเท่าใด จึงต้องถือว่าเงินดอลล่าที่จับมาเป็นของกลางถูกริบทั้งหมด จำเลยไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษานั้น อย่างไร คดีถึงที่สุด จำเลยขอคืนไม่ได้
พิพากษายืน