แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าภาษีโรงเรือนที่เจ้าหน้าที่ประเมินเกินไป โดยกล่าวในฟ้องว่าโจทก์ฟ้องนายทับ ณ พัทลุง ในนามนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุงเป็นจำเลย ย่อมเป็นการฟ้องบุคคลธรรมดาในตำแหน่งหน้าที่ของเขา
ตาม พ.ร.บ.ปันรายได้บำรุงเทศบาล 2479 ม.4 ซึ่งบัญญัติว่า ภาษีโรงเรือน ซึ่งจะพึงเรียกเก็บได้ในเขตต์เทศบาลให้โอนให้เทศบาลเรียกเก็บเป็นรายได้ของเทศบาล และให้เทศบาลมีอำนาจและหน้าที่แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อการนี้ประกอบกับ พ.ร.บ.เทศบาล 2481 มาตรา 36 บัญญัติว่า ในการบริหารการเทศบาลทั้งหลาย ให้นายกเทศมนตรีเป็นหัวหน้าดำเนินกิจการทั้งปวงของเทศบาล ดังนี้ นายกเทศมนตรีซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาโดยตำแหน่งหน้าที่นายกเทศมนตรีจึงอาจฟ้อง หรือถูกฟ้องเป็นคดีความในโรงศาลได้ ไม่จำเป็นต้องเอานิติบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความเสมอไป.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องนายทับ ณ พัทลุงในนามนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง เป็นจำเลย ขอให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ที่เจ้าหน้าที่ได้ประเมินภาษีของโจทก์จำนวน ๔๘ บาท จำเลยให้การว่า เจ้าพนักงานประเมินโดยถูกต้อง และตัดฟ้องว่า โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนบุคคล ไม่ได้ฟ้องเทศบาลเมืองพัทลุง ซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยไม่ต้องรับผิดคืนเงินรายนี้ เพราะเทศบาลเมืองพัทลุงอันเป็นนิติบุคคลเป็นผู้เรียกเก็บ จำเลยเป็นนายกเทศมนตรีมีหน้าที่เพียงพิจารณาอุทธรณ์เรื่องภาษีโรงเรือนและที่ดินเท่านั้น ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อตัดฟ้อง แล้วพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกา ได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า คดีนี้โจทก์กล่าวในฟ้องมาโดยชัดเจนว่า โจทก์ฟ้องนายทับ ณ พัทลุงในนามนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา โดยตำแหน่งหน้าที่ของเขา ตาม พ.ร.บ.ปันรายได้บำรุงเทศบาล ๒๔๗๕ มาตรา ๔ และ พ.ร.บ.เทศบาล ๒๔๘๑ มาตรา ๓๖ เป็นที่เห็นได้ว่า นายกเทศมนตรีทั้งโดยตำแหน่งจะต้องเป็นผู้รับผิ่ดชอบในกิจการเทศบาล จึงอาจฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีความในโรงศาลได้ มิจำต้องเอานิติบุคคลเป็นคู่ความเสมอไป และโดยฉะเพาะอย่างยิ่ง ในกรณีภาษีโรงเรือนนี้ พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ได้บัญญัติให้มีการ “อุทธรณ์” การประเมินต่อผู้เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในหน่วยการนั้น ๆ เสียก่อน จึงจะนำคดีขึ้นมาสู่ศาลได้ ดังนี้ ในฐานะของนายกเทศมนตรี โดยตำแหน่งนั้น จึงแตกต่างกับผู้จัดการนิติบุคคลอื่นบางชะนิด ซึ่ง ก.ม.บัญญัติให้บังคับตามบทบัญญัติแต่ในลักษณะตัวแทนเป็นฉะเพาะรายไป ประกอบกับพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน ๒๔๗๕ มาตรา ๓๒ ดั่งนี้ เมื่อนายกเทศมนตรีต้องเป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการทั้งปวงของเทศบาล บุคคลธรรมดา ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี จึงต้องเป็นผู้ที่ถูกบังคับตาม ก.ม.อยู่โดยตรง ศาลฎีกาเห็นว่า นายทับ ณ พัทลุง ในนามนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพัทลุง ย่อมถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีนี้ได้
พิพากษายืน.