คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2466

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินที่เหลือจากใช้ในกิจการของรถไฟหนังสือพระราชทานพระบรมราชานุญาต

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า โจทย์มีสิทธิจะซื้อที่ดินคืนจากจำเลย ตามอำนาจแห่งหนังสือพระราชทานพระบรมราชานุญาตปี ร.ศ.๑๑๑ หรือ ๑๑๒ โดยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่ได้ใช้ที่ดินให้เปนประโยชน์ตามความมุ่งหมายที่ได้ซื้อไว้แต่เดิมจำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้ซื้อที่ดินจากโจทย์ จำเลยได้ปกครองแลใช้ที่ทำประโยชน์ในกิจการของรถไฟมา แลปราถนาจะใช้ต่อไป
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เพื่อโจทย์จะชะนะคดีนี้ได้โจทย์จะต้องนำสืบให้สมว่า จำเลยไม่ต้องการที่ดินนั้นกระทำประโยชน์ จำเลยไม่ได้ใช้มาแล้ว แลไม่ประสงค์จะใช้ที่ดินนั้นต่อไป แลเปนน่าที่ของบริษัทรถไฟจำเลยที่จะต้องบอกขายที่ดินคืนให้แก่โจทย์
ข้อความในหนังสือพระราชทานพระบรมราชานุญาต ข้อ ๒๓ นั้นไม่ปรากฏว่าบริษัทรถไฟจำต้องบอกคืนหรือผู้เจ้าของเดิมจำต้องรับซื้อคืน ทั้งจำเลยได้ใช้ที่ดินเปนสถานที่เก็บเครื่องพัสดุกับกิจการอื่น ๆ อยู่หลายปี ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัย ไม่แต่เพียงว่า โจทย์นำสืบไม่สมว่าจำเลยไม่ใช้หรือ ปราถนาที่จะใช้ที่ดินตอนนี้ในกิจธุระของรถไฟเท่านั้น ยังวินิจฉัยต่อไปว่า ความจริงจำเลยได้ใช้ที่ดินในกิจการอันเปนประโยชน์ต่อผู้โดยสารโดยชอบด้วยกฎหมายมาจนถึงวันฟ้องความนี้ แลว่าจำเลยไม่ได้ใช้ที่ดินนอกเหนือหรือเปนปรปักษ์กับความประสงค์ของหนังสือพระราชทานพระบรมราชานุญาตนั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงฐานะของที่ดินแลสถานนีของรถไฟแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยมิได้รับโอนที่ดินมาจนเหลือเฟือเกินกว่าจำเปนโดยสมควรแก่ความต้องการของบริษัทจำเลย กรรมการศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อวินิจฉัยของศาลล่างดังกล่าวมานี้ มีคำพยานหลักฐานสนับสนุนชอบด้วยเหตุผลแล้ว ไม่จำเปนต้องวินิจฉัยถึงปัญหาข้อที่โจทย์ละเลยไม่นำคดีขึ้นฟ้องร้อง จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กรุงเทพ ฯ ให้ยกฎีกาโจทย์

Share