คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7522/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เหตุเกิดในเวลากลางวัน ผู้เสียหายเห็นจำเลยชัดเจนในระยะใกล้ชิดขณะจำเลยขับรถจักรยานยนต์เข้ามาเทียบ และขับรถไล่ตามรถจำเลยไปในระยะไม่ห่างระหว่างนั้นมีโอกาสเห็นหน้าจำเลยหลายครั้งขณะจำเลยเลี้ยวรถกลับและขับออกมาจากกองร้อย ทั้งยังได้จดจำลักษณะการแต่งกายและหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของจำเลยไว้ด้วยว่าจำเลยใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว สวมเสื้อแจ็กเกตสีเทาทับไว้ นุ่งกางเกงขายาวสีกรมท่าคล้ายนักเรียนช่างกล สวมหมวกกลมมีหัวจุกตรงกลางแต่ไม่มีกะบังคล้ายหมวกชาวอิสลาม อันเป็นวิสัยของตนธรรมดาทั่วไปที่จะตั้งใจจดจำในเรื่องดังกล่าวของคนร้ายที่ได้กระทำผิดต่อตน ขณะนั้นการจราจรไม่พลุกพล่านอันจะเป็นเหตุให้ผู้เสียหายสับสนจำผิดพลาดสิบตำรวจตรี ส. ก็ยืนยันว่าผู้เสียหายได้แจ้งเหตุพร้อมกับบอกลักษณะการแต่งกายของคนร้ายและหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ไว้ด้วยจริง ทั้งยังได้ชี้ให้จับจำเลยในทันทีภายหลังเกิดเหตุเพียงเล็กน้อยพร้อมรถจักรยานยนต์ซึ่งมีหมายเลขทะเบียนตรงกับที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ตั้งแต่แรก นอกจากนี้เจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเสื้อแจ็กเกตและหมวกซ่อนไว้ข้างโต๊ะสนุกเกอร์ พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง พยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336,336 ทวิ ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง และให้จำเลยคืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์จำนวน9,600 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคแรก, 336 ทวิ จำเลยอายุ 18 ปีเศษ รู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว ไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษ ให้จำคุก 3 ปี ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง และให้จำเลยคืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์จำนวน 9,600 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมาโดยจำเลยมิได้โต้แย้งเป็นอย่างอื่นฟังได้ยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะวิ่งราวทรัพย์กระเป๋าหนังแบบสะพาย 1 ใบ ราคา2,600 บาท เครื่องสำอาง 1 ชุด ราคา 3,000 บาท และเงินสด 4,000 บาท ของผู้เสียหายไป ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยเป็นคนร้ายรายนี้หรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายประจักษ์พยานและสิบตำรวจตรีสกล ขวานเพชร เป็นพยานเบิกความสอดคล้องกันว่า ขณะที่ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์ไปตามถนนสายตรังปะเหลียนเพื่อจะไปตลาดเทศบาลเมืองตรัง มีเสียงห้ามล้อรถจักรยานยนต์ใกล้ ๆ เมื่อหันไปมองเห็นจำเลยขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า โนวา แบบผู้หญิง อยู่เยื้องไปทางด้านหน้าขวามือในระยะทาง 1-2 ฟุต แล้วจำเลยใช้มือซ้ายกระชากกระเป๋าหนังแบบสะพายของผู้เสียหายที่วางไว้ในตะกร้าหน้ารถ และขับรถหนีไปอย่างรวดเร็วผู้เสียหายขับรถไล่ตามไปในระยะห่างประมาณ 50 เมตร และจำหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของจำเลยได้ เมื่อขับไล่ตามไปได้ประมาณ 2 กิโลเมตร จำเลยเลี้ยวรถกลับไปยังถนนฝั่งตรงข้าม ผู้เสียหายจึงขับรถเลี้ยวซ้ายแล่นย้อนกลับไปทางเดิมเนื่องจากเกรงว่าจะตามรถจำเลยไม่ทัน จำเลยเลี้ยวรถเข้าไปในกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ผู้เสียหายเห็นสิบตำรวจตรีสกลกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่หน้ากองร้อยจึงแจ้งเหตุให้ทราบ ขณะนั้นเห็นจำเลยขับรถจักรยานยนต์ออกมามุ่งหน้าไปทางตลาดโก้งโค้ง สิบตำรวจตรีสกลกับพวกจึงขับรถยนต์ไล่ตามโดยผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์ตามไปด้วย จำเลยจอดรถที่หน้าโรงสนุกเกอร์แล้วเข้าไปข้างใน สิบตำรวจตรีสกลเฝ้ารถจำเลยไว้และให้เพื่อนใช้วิทยุแจ้งทางกองร้อยขอให้กองร้อยแจ้งไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตรัง ต่อมามีเจ้าพนักงานตำรวจมาร่วมจับจำเลยได้โดยผู้เสียหายชี้ให้จับ ฝ่ายจำเลยมีจำเลยและนายพรชัย ดีเป็นแก้ว เป็นพยานเบิกความว่า วันเกิดเหตุจำเลยขับรถจักรยานยนต์ไปตามเพื่อนที่โรงสนุกเกอร์แล้วถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับเห็นว่า เหตุเกิดในเวลากลางวัน ผู้เสียหายเห็นจำเลยชัดเจนในระยะอันใกล้ชิดขณะจำเลยขับรถจักรยานยนต์เข้ามาเทียบ และขับรถไล่ตามรถจำเลยไปในระยะไม่ห่าง ระหว่างนั้นก็มีโอกาสเห็นหน้าจำเลยหลายครั้งขณะจำเลยเลี้ยวรถกลับและขับออกมาจากกองร้อย ทั้งยังได้จดจำลักษณะการแต่งกายและหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ขอจำเลยไว้ด้วยว่าจำเลยใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว สวมเสื้อแจ็กเกตสีเทาทับไว้นุ่งกางเกงขายาวสีกรมท่าคล้ายนักเรียนช่างกล สวมหมวกกลมมีหัวจุกตรงกลางแต่ไม่มีกะบังคล้ายหมวกชาวอิสลามและหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของจำเลยคือ พัทลุง ช – 4463 อันเป็นวิสัยของคนธรรมดาทั่วไปที่จะตั้งใจจดจำในเรื่องดังกล่าวของคนร้ายที่ได้กระทำผิดต่อตน ขณะนั้นการจราจรไม่พลุกพล่านอันจะเป็นเหตุให้ผู้เสียหายสับสนจำผิดพลาด สิบตำรวจตรีสกลก็ยืนยันว่าผู้เสียหายได้แจ้งเหตุพร้อมกับบอกลักษณะการแต่งกายของคนร้ายและหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ไว้ด้วยจริง ทั้งยังได้ชี้ให้จับจำเลยในทันทีภายหลังเกิดเหตุเพียงเล็กน้อยพร้อมรถจักรยานยนต์ซึ่งมีหมายเลขทะเบียนตรงกับที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ตั้งแต่แรก นอกจากนี้ยังปรากฏตามคำเบิกความของผู้เสียหายว่าเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเสื้อแจ็กเกตและหมวกซ่อนไว้ข้างโต๊ะสนุกเกอร์ ซึ่งปรากฏตามบัญชีทรัพย์ของกลางคดีอาญาเอกสารหมาย จ.2 ว่า มีหมวกผ้าถักสีเขียวแกมฟ้า 1 ใบ ด้วยจริง พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง พยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share