แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทฟ้องหาว่าจำเลยบังอาดขุดแร่ไม่ได้รับไบสุทธิหรือไบอนุญาตซึ่งแร่ของกลางไนคดีนี้เปนจำนวนเดียวกับแร่ของกลางไนคดีที่โจทฟ้องจำเลยเรื่องก่อนและคดีนั้นสาลพิพากสาถึงที่สุดเด็ดขาดไปแล้ว เช่นนี้ต้องด้วยข้อห้ามตาม ป.ม. วิธีพิจารนาความอาญา ม. 39(4) ซึ่งจะฟ้องไหม่ไม่ได้.
ย่อยาว
คดีนี้โจทฟ้องว่าจำเลยไม่ได้รับไบสุทธิแร่หรือไบอนุญาตขุดหาแร่ชั่วคราวเพื่อขุดหาแร่ไนเขตประทายบัตร จำเลยบังอาดขุดหาแร่ดีบุก เจ้าพนักงานจับได้หนัก ๕๒ หาบ ๖๕ ชั่งราคา ๑๓๕๒๐ บาท แร่รายนี้เปนจำนวนเดียวกับแร่ของกลางไนคดีแดงที่ ๑๘๗/๒๔๘๕ ของสาลจังหวัดนครสรีธัมราช ขอไห้ลงโทสตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ส. ๒๔๗๙
จำเลยไห้การปติเสธกับตัดฟ้องว่า แร่รายนี้โจทเคยฟ้องจำเลยครั้งหนึ่งแล้ว แต่สาลพิพากสายกฟ้อง ปรากตไนคดีแดงที่ ๑๘๗/๒๔๘๕ โจทจึงฟ้องไหม่ไม่ได้
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์เห็นว่าโจทนำคดีที่มีคำพิพากสาเส็ดเด็ดขาดไนความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วมาฟ้องอีกต้องห้ามตามประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๓๙(๔) พิพากสายกฟ้อง
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่า ข้อเท็ดจิงปรากตว่าแร่ของกลางรายนี้เปนแร่รายเดียวกับแร่ไนคดีแดงที่ ๑๘๗/๒๔๘๕ ของสาลจังหวัดนครสรีธัมราชซึ่งสาลพิพากสายกฟ้องคดีถึงที่สุดไปแล้ว โจทมาฟ้องจำเลยตามข้อหาไนคดีนี้ไนแร่รายเดียวกับคดีก่อนนั่นเอง ตามประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๓๙ บัญญัติว่าสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ดังต่อไปนี้ ฯลฯ (๔) เมื่อมีคำพิพากสาเส็ดเด็ดขาดไนความผิดซึ่งได้ฟ้อง ๆ การตีความจะต้องดูข้อความทั้งหมดประกอบกันแล้วเพ่งเล็งถึงความมุ่งหมายอันแท้จิงของกดหมายซึ่งเมื่อพิเคราะห์แล้วจะได้ความที่ชัดแจ้งว่ากดหมายมุ่งถึงว่ามีคำพิพากสาเส็ดเด็ดขาดไนกรนีความผิดซึ่งได้ฟ้องกรนีความผิดซึ่งได้ฟ้องไนคดีหลังนี้ได้มีคำพิพากสาเส็ดเด็ดขาดแล้วตามคดีแดงที่ ๑๘๗/๒๔๘๕ ของสาลจังหวัดนครสรีธัมราชฉะนั้นสิทธิที่จะฟ้องคดีนี้จึงต้องห้ามตามประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๓๙(๔) จึงพิพากสายืนตามสาลล่างทั้งสอง