แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่ศาลชั้นต้นกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้จำเลยรับผิดในอัตราสูงกว่าที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(6) เป็นกรณีที่ศาลใช้ดุลพินิจกำหนดให้ในเวลาที่พิพากษาคดี พฤติการณ์ไม่เปิดช่องให้จำเลยยกปัญหาดังกล่าวในศาลชั้นต้น จำเลยย่อมมีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน 4,000,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จสิ้น
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 4,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ให้ต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละ15 ต่อปี นั้น เป็นการชอบหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ในอัตราที่สูงขึ้นกว่าที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(6) นั้น เป็นกรณีที่ศาลจะใช้ดุลพินิจกำหนดให้ในเวลาที่ศาลพิพากษาคดีนั้นพฤติการณ์จึงไม่เปิดช่องให้จำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้น จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาดังกล่าวในชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคสอง เมื่อไม่ปรากฎเหตุสมควรที่โจทก์จะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นกว่าที่โจทก์มีสิทธิได้รับตามกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดอัตราดอกเบี้ยให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจึงชอบแล้ว ส่วนที่โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยย้อนไปถึงวันนัดผิดคือวันที่ธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินนั้น เห็นว่าคำขอท้ายคำฟ้อง โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องถึงวันชำระเสร็จสิ้นเท่านั้น มิได้ขอคิดดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด ศาลจะพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับแต่วันผิดนัดซึ่งเกินไปกว่าในคำฟ้องหาได้ไม่ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยชอบแล้ว”
พิพากษายืน