คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 บัญญัติให้การดำเนินงานของคณะกรรมการมัสยิดเป็นไปตามเสียงข้างมาก อิหม่ามกับกรรมการอื่น ๆ ซึ่งเป็นเสียงข้างมากจึงมีอำนาจดำเนินคดีในนามของมัสยิดโจทก์ได้
ผู้มีชื่อยกที่พิพาทให้โจทก์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือ แล้วเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทให้โจทก์ตลอด จำเลยซึ่งเป็นซึ่งผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมก็มิได้คัดค้านการกระทำของผู้มีชื่อนั้น เมื่อผู้มีชื่อตายทายาทก็เข้ามารับเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งโจทก์ตลอดมา ย่อมถือได้ว่าโจทก์เข้าถือสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทโดยทายาทของผู้มีชื่อนั้นเป็นผู้ดูแลแทน เมื่อทายาทงดเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งโจทก์ โจทก์ก็เข้าเก็บทำเอง โดยจำเลยหรือบุคคลอื่นใดมิได้ขัดขวางดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยตลอดมา และเมื่อได้ครอบครองเกินกว่า 10 ปี โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางจีดนายชุ่มได้อุทิศที่พิพาทให้เป็นสมบัติของมัสยิดโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทหนี้โดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า ๑๐ ปีแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์ จำเลยที่ ๓ ซึ่งเคยเป็นกรรมการของมัสยิดโจทก์ได้ทำการโดยประมาทเลินเล่อคืนโฉนดที่ดินให้แก่จำเลย ที่ ๑ และที่ ๒ ทายาทเจ้าของเดิมไป โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองคืนโฉนดและไปจดทะเบียนการให้ จำเลยทั้สองก็เพิกเฉยเสียขอให้ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบโฉนดและเอกสารอื่น ๆ ที่รับไว้คืนแก่โจทก์ และสั่งให้ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ หรือใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสามต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง หนังสือยกที่พิพาทที่จำเลยที่ ๑ ทำให้แก่โจทก์ไม่มีผลตามกฎหมาย หนังสือให้ไม่มีชื่อผู้รับและมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่มีผลบังคับ โจทก์มิได้ครอบครองที่พิพาทจำเลยที่ ๓ มิได้ปฏิบัติการผิดดังฟ้อง โจทก์มิได้เสียหาย และฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าโจทก์ได้ยึดถือครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาเกินกว่า ๑๐ ปี จึงได้กรรมสิทธิ์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องแต่ครอบครองที่พิพาทยังไม่ถึง ๑๐ ปี พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๙ ว่า “ในการดำเนินงานของคณะกรรมการมัสยิดให้เป็นไปตามเสียงข้างมากของคณะกรรมการมัสยิด” อิหม่ามและคณะกรรมการอื่นซึ่งเป็นเสีงข้างมากของคณะกรรมการมัสยิดโจทก์เป็นผู้ดำเนินคดีนี้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง และเห็นว่า นางจีดได้ยกที่พิพาทให้แก่โจทก์ โดยมิได้ทำเป็นหนังสือ แล้วเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทให้โจทก์ตลอดมา โดยจำเลยซึ่งเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมมิได้คัดค้านการกระทำของนางจีด เมื่อนางจีดตาย นางหนับทายาทก็เข้าเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งแก่โจทก์ตลอดมาอีก ย่อมถือได้ว่าโจทก์เข้าถือสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท โดยนางหนับทายาทของนางจีดเป็นผู้ดูแลแทน เมื่อนางหนับงดเก็บผลประโยชน์ส่งให้โจทก์ โจทก์ก็เข้าเก็บทำเองโดยจำเลยหรือบุคคลอื่นใดมิได้ขัดขวาง ถือว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยตลอดมาและได้ครอบครองเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share