แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ที่ว่า “ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้น เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ฯลฯ” มิได้หมายเฉพาะตราสารที่อ้างอิงเพื่อเรียกร้องหนี้สินเท่านั้น แต่หมายรวมถึงเอกสารที่แสดงว่าได้ชำระหนี้สินแล้วเช่นใบรับเงินด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป ๑๐,๐๐๐ บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยชั่งละบาทต่อเดือน จำเลยไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่าได้ชำระหนี้แล้วและโจทก์ทำใบรับให้ไว ้แต่สัญญาไม่ได้คืนให้
ศาลชั้นต้นพิจารณาให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าเอกสาร ล.๑ และ ล.๒ ควรรับฟังได้ เพราะเป็นเอกสารที่จำเลยอ้างเพื่อแสดงว่าไม่มีหนี้สิน ไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์
ศาลฎีกาเห็นว่าเอกสาร ล.๑ และ ล.๒ (ที่จำเลยอ้างว่าเป็นใบรับเงินของโจทก์) ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์เลย จึงนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งหาได้ไม่ และจะนำพยานบุคคลมาสืบว่าได้มีการใช้ต้นเงินกู้แล้วก็ไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ที่จำเลยฎีกาว่าประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ หมายความเฉพาะตราสารที่บุคคลอ้างอิงในคดีแพ่งเพื่อเรียกร้องหนี้สิน ไม่หมายถึงหลักฐานที่จำเลยอ้างว่าได้ชำระหนี้สินแล้วเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยจะได้ใช้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเงินกู้ให้โจทก์
พิพากษายืน