คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7452/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งเป็นแพทย์ได้แจ้งโจทก์ว่ามีเด็กตายในท้องโจทก์ โจทก์จึงยินยอมให้จำเลยทำการขูดมดลูกและทำแท้งให้ แต่การที่จำเลยใช้เครื่องมือแพทย์เข้าไปขูดมดลูกของโจทก์ทำให้มดลูกทะลุ ทั้งที่มดลูกของโจทก์มีลักษณะเป็นปกติ มิได้มีลักษณะบางแต่อย่างใด และทำให้ลำไส้เล็กทะลักออกมาทางช่องคลอดยาว 5 เมตร เนื่องจากเครื่องมือแพทย์ที่ใส่เข้าไปในช่องคลอดได้เกี่ยวเอาลำไส้ดึงออกมานั่นเอง จำเลยจึงไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามปกติวิสัยของผู้มีความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพแพทย์ นับเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยซึ่งต่อมาแพทย์คนอื่นที่ตรวจโจทก์ในภายหลังเห็นว่า หากนำลำไส้ของโจทก์ใส่เข้าไปในร่างกายอีกอาจมีการติดเชื้อในช่องท้อง จึงได้ทำการตัดลำไส้ที่ทะลักออกมาทิ้งไป จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์จำนวน 212,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้กระทำด้วยความประมาทเลินเล่อต่อโจทก์หากแต่จำเลยที่ 1 ได้ทำการขูดมดลูกของโจทก์ด้วยความระมัดระวังเช่นที่แพทย์ได้กระทำต่อคนไข้ของตน แพทย์ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษได้ตัดลำไส้เล็กของโจทก์ออกไปบางส่วนเล็กน้อย ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายโจทก์ โจทก์สามารถดำรงชีวิตและทำงานเหมือนคนปกติธรรมดาทุกประการ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหายเป็นเงิน75,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 29 มีนาคม2534) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ได้ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นแพทย์อยู่ที่สถานพยาบาลของจำเลยที่ 1 ทำการขูดมดลูกจากผลการขูดมดลูกทำให้มดลูกของโจทก์ทะลุ มีลำไส้เล็กทะลักออกมา และโจทก์ต้องถูกผ่าตัดลำไส้ส่วนที่ทะลักออกมาทิ้ง

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 2 ประการแรกมีว่าจำเลยที่ 1 ทำการขูดมดลูกของโจทก์ด้วยความประมาทเลินเล่อหรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความว่าโจทก์รู้จักจำเลยทั้งสองเมื่อมารับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลศรีสะเกษศูนย์รวมแพทย์ซึ่งเป็นของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 เป็นแพทย์ผู้ตรวจรักษา ในวันเกิดเหตุโจทก์มีเลือดไหลออกจากช่องคลอดจึงมารับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลศรีสะเกษศูนย์รวมแพทย์ จำเลยที่ 1 ตรวจแล้วแจ้งว่าโจทก์มีเด็กตายในท้อง จะขูดมดลูกและทำแท้งให้ จำเลยที่ 1 คิดค่าทำแท้ง 2,000 บาท โจทก์บอกว่ามีเงินมาเพียง 500 บาทจำเลยที่ 1 ให้นำเงินที่ค้างมาชำระภายหลังและตกลงทำแท้งให้ในวันนั้น ขณะนั้นจำเลยที่ 1 มีอาการมึนเมาสุรา เมื่อจำเลยที่ 1 ฉีดยาสลบให้โจทก์แล้ว โจทก์ก็ไม่รู้สึกตัวมารู้สึกตัวที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ และแพทย์ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษได้ฉีดยาสลบให้โจทก์อีกครั้ง เมื่อโจทก์รู้สึกตัว แพทย์บอกว่าได้ผ่าตัดลำไส้ออกไปยาว 5 เมตร เนื่องจากมีการขูดมดลูกทำให้ลำไส้ทะลักออกมา นายอ่ำ ศรีสะอาด สามีโจทก์เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า ในวันนั้นเด็กที่บ้านบอกว่ามีคนจากสถานพยาบาลศรีสะเกษศูนย์รวมแพทย์มาตาม โดยบอกว่าโจทก์ต้องผ่าตัด จึงตรงไปที่สถานพยาบาลศรีสะเกษศูนย์รวมแพทย์ พบจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 บอกว่าเสียใจมากเนื่องจากจะต้องส่งโจทก์ไปโรงพยาบาล เพราะมีความผิดพลาดทางเทคนิคในเรื่องการขูดมดลูกและว่าจะรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้ทุกอย่างและว่าขณะนั้นโจทก์ปลอดภัยแล้ว ต่อมาโจทก์และพยานไปพบนายแพทย์สมคิดซึ่งเป็นผู้ผ่าตัดให้แก่โจทก์ ได้บอกว่าเนื่องจากโจทก์ได้รับการขูดมดลูกจนทะลุมาและมีลำไส้ออกมาจากช่องคลอดประมาณ 5 เมตร จึงต้องทำการผ่าตัดลำไส้ออกซึ่งก็สอดคล้องกับนายแพทย์สมคิด สุริยะเลิศ พยานโจทก์ที่เบิกความว่า ได้รับคนไข้จากสถานพยาบาลศูนย์รวมแพทย์ศรีสะเกษ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นโจทก์ในคดีนี้จากการตรวจพบว่ามีลำไส้กองอยู่หน้าท้องของโจทก์ จึงส่งเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉินได้รับคำบอกเล่าจากผู้นำส่งซึ่งมาจากสถานพยาบาลศรีสะเกษศูนย์รวมแพทย์ว่าแพทย์ได้ขูดมดลูกของโจทก์ทะลุและลำไส้ทะลักออกมา จากการวิเคราะห์ของพยานและแพทย์ที่ร่วมผ่าตัดมีความเห็นว่า หากนำลำไส้ของโจทก์เข้าไปในร่างกายอีก อาจมีการติดเชื้อในช่องท้องได้ จึงได้ทำการตัดลำไส้ที่ทะลักออกมาทิ้งไปยาวประมาณ5 เมตร จากการตรวจพบว่ามดลูกปกติและไม่ทราบว่ามีการตั้งครรภ์จริงหรือไม่แต่ขณะผ่าตัดไม่พบทารก ปกติในการขูดมดลูกนั้น อาจทำให้มดลูกทะลุ เนื่องจากฝีมือของผู้ขูดหรือเกิดจากขนาดของมดลูก หากมดลูกบางจะทำให้ทะลุได้ สาเหตุที่มีลำไส้ออกมาจากทางช่องคลอด พยานมีความเห็นว่ามดลูกทะลุและมีการใช้เครื่องมือแพทย์ใส่เข้าไปแล้วไปเกี่ยวเอาลำไส้ดึงออกมา พันตำรวจตรีมานพไต่วัลย์ พนักงานสอบสวนเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า ได้รับแจ้งความจากนายอ่ำศรีสะอาด ว่าโจทก์ซึ่งเป็นภริยาไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลศรีสะเกษศูนย์รวมแพทย์และแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาได้ขูดมดลูกจนมดลูกทะลุ เป็นเหตุให้ลำไส้ไหลทะลักออกมาจากช่องท้อง โจทก์ได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลศรีสะเกษแล้ว พยานจึงไปที่โรงพยาบาลดังกล่าวสอบถามแล้วได้ความว่าโจทก์ไปรักษาตัวที่สถานพยาบาลศรีสะเกษศูนย์รวมแพทย์มีจำเลยที่ 1 เป็นแพทย์ผู้ขูดมดลูกทะลุและลำไส้ทะลัก ต่อมาจึงมารักษาที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ แพทย์ได้ตัดลำไส้ส่วนที่โผล่ออกมาทิ้ง จึงได้สอบถามปากคำนายแพทย์สมคิด แพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษผู้ตรวจรักษาและผ่าตัดลำไส้ให้แก่โจทก์ได้ความว่าลำไส้ส่วนที่โผล่ออกช่องท้องเสีย จึงต้องตัดทิ้ง และได้สอบปากคำแพทย์อีกหลายคนได้ความแล้วพยานจึงตั้งข้อหาจำเลยที่ 1 ว่ากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ แล้ว เชื่อว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดทางอาญา จึงออกหมายจับ แต่จำเลยที่ 1 หลบหนีจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่สามารถจับกุมได้ เห็นว่า จากพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่โจทก์นำสืบเชื่อได้ว่ามีการขูดมดลูกของโจทก์สาเหตุเนื่องจากมีเลือดไหลออกจากช่องคลอด การขูดมดลูกกระทำโดยใช้เครื่องมือแพทย์เข้าไปขูดซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งหากมดลูกบางก็มีโอกาสที่อาจทำให้มดลูกทะลุได้ แต่ไม่ปรากฏว่ามีความเห็นของแพทย์ที่ตรวจรักษาโจทก์ว่ามดลูกของโจทก์บางแต่อย่างใด แต่นายแพทย์สมคิดผู้ตรวจรักษาและผ่าตัดลำไส้ให้แก่โจทก์กลับยืนยันว่ามดลูกของโจทก์เป็นปกติ ดังนั้น จึงเชื่อว่า ในการขูดมดลูกของโจทก์นั้น จำเลยที่ 1 ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามปกติวิสัยของผู้มีความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพแพทย์ มิฉะนั้นมดลูกของโจทก์คงไม่ทะลุและเป็นเหตุให้เครื่องมือแพทย์เข้าไปเกี่ยวเอาลำไส้ดึงออกมาตามที่นายแพทย์สมคิดพยานโจทก์ได้วิเคราะห์ไว้ ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็รับกับนายอ่ำพยานโจทก์ว่ามีความผิดพลาดทางเทคนิคในเรื่องการขูดมดลูกและจะรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้ทุกอย่าง ที่จำเลยที่ 2 นำสืบ โดยนำแพทย์ซึ่งไม่ได้ตรวจรักษาหรือทำการผ่าตัดโจทก์มาเบิกความลอย ๆ ว่าการที่มดลูกของโจทก์ทะลุและมีลำไส้ทะลักออกมานี้ เป็นอาการของโรคแทรกซ้อนนั้นไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การที่จำเลยที่ 1 ขูดมดลูกของโจทก์จนทะลุมีลำไส้ทะลักออกมานั้น เกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ฎีกา จำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share