คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7434/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า เช็คพิพาทออกให้โจทก์ร่วมในมูลหนี้ซื้อขายรถยนต์ มิใช่มูลหนี้กู้ยืม การที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้มีมูลหนี้กู้ยืมโดยแปลงหนี้มาจากสัญญาซื้อขาย จึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายุติดังกล่าวแล้ว ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
โจทก์ร่วมได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งธนบุรี ขอให้จำเลยคืนรถยนต์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 605,000 บาท และต่อมาขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่โจทก์ร่วมฟ้องคดีแพ่งดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์ร่วมได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขาย สัญญาซื้อขายจึงเลิกกัน โจทก์ร่วมไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระราคารถยนต์ มูลหนี้ตามเช็คพิพาทระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยจึงสิ้นผลผูกพันนั้น เมื่อข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและมีคำสั่งแล้วว่า ตามคำร้องของจำเลยไม่ปรากฏว่า ศาลแพ่งธนบุรีมีคำพิพากษาให้จำเลยคืนรถยนต์อันเป็นมูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทหรือให้ใช้ราคารถยนต์ดังกล่าวคืน เช่นนี้ มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงยังไม่สิ้นผลผูกพันระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลย คดีนี้จึงถือไม่ได้ว่าได้เลิกกันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 7

Share