คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7405/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งทางด้านทิศตะวันออกติดต่อกับที่ดินของจำเลยทั้งสองที่มีทางพิพาทผ่าน เมื่อปรากฏว่าที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้แต่เดิมติดกับทางสาธารณประโยชน์ซึ่งประชาชนทั่วไปได้ใช้ผ่านเข้าออกอยู่แล้ว และต่อมาโจทก์ซื้อที่ดินอีก 2 แปลง คือเลขที่ 807 และ 808 ที่ดินของโจทก์ทั้งสามจึงติดกับทางสาธารณประโยชน์ การที่ต่อมาโจทก์ได้ปักรั้วเข้าไปในทางสาธารณประโยชน์ทางด้านทิศใต้ของที่ดินจนติดที่ดินของจำเลยที่ 2 ทำให้ทางสาธารณประโยชน์ไม่สามารถใช้เดินได้ โจทก์จึงเข้าออกทางสาธารณประโยชน์นั้นไม่ได้อีก ดังนี้ กรณีจะถือว่าที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อมของที่ดินแปลงอื่น และโจทก์จะมาร้องขอให้ศาลบังคับจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินให้เปิดทางพิพาททางจำเป็นหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งถูกที่ดินอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์เดินและใช้ยานพาหนะผ่านที่ดินของจำเลยทั้งสองติดต่อกันเกินกว่า 10 ปีแล้ว ที่ดินของจำเลยทั้งสองบริเวณทางเดินดังกล่าวจึงตกเป็นภารจำยอมหรือทางจำเป็น ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ล้อมรั้วปลูกพืชและเจาะน้ำบาดาลปิดกั้นทางเดินทำให้โจทก์ไม่สามารถเดินออกสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์เคยขอให้จำเลยทั้งสองเปิดทางดังกล่าวแล้วแต่จำเลยทั้งสองไม่ยอม ขอให้พิพากษาว่าที่ดินของจำเลยทั้งสองบริเวณทางเดินเป็นทางภารจำยอมหรือทางจำเป็น ให้จำเลยทั้งสองเปิดทางดังกล่าวให้โจทก์เดินผ่านออกสู่ทางสาธารณะ โดยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปจากบริเวณทางเดิน ห้ามจำเลยทั้งสองขัดขวางการใช้สิทธิของโจทก์และให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนสิทธิดังกล่าวให้แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง

จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินของโจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ คือทางสาธารณประโยชน์ทางด้านทิศใต้ของที่ดิน บุคคลทั่วไปก็ใช้ทางเดินดังกล่าวนี้ออกสู่ทางสาธารณะมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว จำเลยทั้งสองไม่เคยให้โจทก์หรือบุคคลใด ๆ เดินหรือใช้ยานพาหนะผ่านที่ดินของจำเลยทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1895 เลขที่ดิน 797 ทางด้านทิศตะวันออกติดต่อกับที่ดินของจำเลยทั้งสองตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1884 เลขที่ดิน787 และเลขที่ 1901 เลขที่ดิน 803 ที่มีทางพิพาทผ่าน ทิศเหนือและทิศตะวันตกติดคลองขอนแก่น และทิศใต้ติดทางสาธารณประโยชน์ ตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.2

คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นหรือไม่ โจทก์เบิกความรับว่า ที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้แต่เดิมติดกับทางสาธารณประโยชน์ ต่อมาโจทก์ซื้อที่ดินอีก 2 แปลง คือเลขที่ 807 และ 808 ที่ดินของโจทก์ทั้งสามแปลงจึงติดกับทางสาธารณประโยชน์ โจทก์ได้ปักรั้วเข้าไปในทางสาธารณประโยชน์ทางด้านทิศใต้ของที่ดินโจทก์จนติดที่ดินของจำเลยที่ 2 ทำให้ทางสาธารณประโยชน์ไม่สามารถใช้เดินได้ และยังเบิกความรับว่ามีซอยมิตรประชาสามารถออกสู่ถนนสายบ้านติ้ว – ท่าอิบุญได้ นอกจากนี้ยังได้ความจากคำเบิกความของนายบรรจบ ศรีธนานนท์ พยานโจทก์ซึ่งเป็นกำนันท้องที่พิพาทและอยู่ที่ท้องที่นั้นตลอดมาว่า ทางด้านทิศใต้ของที่ดินโจทก์มีทางสาธารณประโยชน์ประชาชนจะใช้ทางสาธารณประโยชน์ออกซอยมิตรประชาได้ แสดงให้เห็นว่า แต่เดิมมีทางสาธารณประโยชน์และประชาชนทั่วไปก็ใช้ทางดังกล่าวผ่านเข้าออกจนกระทั่งโจทก์บุกรุกปักเสารุกล้ำและกั้นรั้วเข้าไปในทางสาธารณประโยชน์ โจทก์จึงเข้าออกทางนี้ไม่ได้ กรณีนี้จะถือว่าที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อมของที่ดินแปลงอื่นและมาร้องขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินให้เปิดทางจำเป็นหาได้ไม่ทางพิพาทจึงไม่ใช่ทางจำเป็น

พิพากษายืน

Share