คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7390-7391/2553

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 เป็นอำนาจของศาลที่จะทำไต่สวนได้ตามที่เห็นสมควร ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 21 (4) ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 แต่ถ้าข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนปรากฏต่อศาลโดยชัดแจ้งว่า มิได้มีการพิจารณาที่ผิดระเบียบศาลย่อมมีอำนาจสั่งยกคำร้องได้โดยไม่จำต้องไต่สวน
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเป็นความผิดต่อศาล และการลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลย่อมเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะเมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุมีจะเรียก ว. มาสอบถามและหากโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายจาก ว. โจทก์ร่วมชอบที่จะไปดำเนินคดีต่างหากก่อน ถือได้ว่าศาลชั้นต้นชี้ขาดในเรื่องการละเมิดอำนาจศาลแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ โจทก์ย่อมมิใช่ผู้เสียหายอันจะมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้นได้

ย่อยาว

คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเป็นคดีเดียวกัน
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความ เนื่องจากโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 24 กันยายน 2545
วันที่ 12 มิถุนายน 2549 โจทก์ร่วมยื่นคำร้องว่า ลายมือชื่อของโจทก์ร่วมในใบแต่งทนายร้อยโทวิชัยเป็นทนายความโจทก์ร่วมเป็นลายมือชื่อปลอม ต่อมาร้อยโทวิชัยยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ โดยโจทก์ร่วมไม่ทราบเรื่องทำให้ได้รับความเสียหายขอให้หมายเรียกร้อยโทวิชัยมาสอบถามและลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ร่วมแต่งตั้งทนายความ 2 คน คือนายอุลิตกับร้อยโทวิชัยต่อมาวันที่ 24 กันยายน 2545 ร้อยโทวิชัยยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ โดยนายอุลิตลงชื่อเป็นทนายโจทก์ร่วมด้วย น่าเชื่อว่ามีการถอนคำร้องทุกข์โดยชอบ และทนายโจทก์ร่วมดำเนินคดีแทนโจทก์ร่วมไปตามกฎหมาย จึงไม่มีเหตุที่จะเรียกร้องโทวิชัยมาสอบถาม ยกคำร้อง
วันที่ 19 มิถุนายน 2549 โจทก์ร่วมยื่นคำร้องว่า ร้อยโทวิชัยนำใบแต่งทนายความซึ่งปลอมลายมือชื่อของโจทก์ร่วมมายื่นต่อศาล ทำให้ศาลหลงเชื่อแล้วร้อยโทวิชัยยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์โดยโจทก์ร่วมไม่ทราบเรื่องและไม่เคยมอบสิทธิหรือแต่งตั้งร้อยโทวิชัยเป็นทนายความ การถอนคำร้องทุกข์จึงมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย ขอให้ศาลไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาตั้งแต่วันที่ร้อยโทวิชัยดำเนินการใช้สิทธิของโจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ร่วมรับว่า นายอุลิตเป็นทนายโจทก์ร่วม ตามคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ลงวันที่ 24 กันยายน 2545 นอกจากร้อยโทวิชัยแล้ว ยังมีนายอุลิตร่วมลงชื่อฐานะโจทก์ร่วมและในฐานะทนายโจทก์ร่วมด้วย และศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าว ยกคำร้อง ต่อมในวันเดียวกันโจทก์ร่วมยื่นคำร้องทำนองเดียวกันขอให้ศาลไต่สวนคำร้องและลงโทษร้อยโทวิชัยฐานละเมิดอำนาจศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า หากโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายจากร้อยโทวิชัยโจทก์ร่วมชอบที่จะไปดำเนินคดีต่างหากก่อน ในชั้นนี้ยังไม่สมควรจะไต่สวนยกคำร้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ทั้งสองฉบับของโจทก์ร่วม (ที่ถูกพิพากษายืนและยกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมฉบับลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2549)
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมประการแรกว่า มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องของโจทก์ร่วมที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือไม่ เห็นว่า การร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 เป็นอำนาจของศาลที่จะทำการไต่สวนได้ตามที่เห็นสมควร ตามมาตรา 21 (4) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 แต่ถ้าข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนปรากฏต่อศาลโดยชัดแจ้งว่า มิได้มีการพิจารณาที่ผิดระเบียบศาลย่อมมีอำนาจสั่งยกคำร้องได้โดยไม่จำต้องไต่สวน คดีได้ความตามคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ ฉบับลงวันที่ 24 กันยายน 2545 ว่า นายอุลิตทนายความของโจทก์ร่วมอีกคนหนึ่งซึ่งมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาไปทางจำหน่ายสิทธิของโจทก์ร่วมได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ร้องร่วมกับร้อยโทวิชัยด้วย ซึ่งตามคำร้องของโจทก์ร่วมฉบับลงวันที่ 12 มิถุนายน 2549 ยืนยันว่าโจทก์ร่วมแต่งตั้งนายอุลิตเป็นทนายความจริง ดังนี้ ย่อมมีเหตุที่ศาลชั้นต้นเชื่อว่าโจทก์ร่วมประสงค์ถอนคำร้องทุกข์และมอบหมายให้นายอุลิตและร้อยโทวิชัยทนายโจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์ แม้จะปรากฏจากคำร้องของโจทก์ร่วมว่า โจทก์ร่วมไม่เคยแต่งตั้งร้อยโทวิชัยเป็นทนายความ ก็ไม่ทำให้คำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ที่นายอุลิตได้ลงลายมือชื่อไว้ด้วยเสียไป การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 24 กันยายน 2545 เป็นการปฏิบัติตามบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยวิธีพิจารณาในศาลชั้นต้นมิได้มีการพิจารณาที่ผิดระเบียบโดยผิดหลงแต่อย่างใด อันโจทก์ร่วมจะร้องขอให้เพิกถอนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของโจทก์ร่วมโดยไม่ไต่สวนก่อนศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ร่วมข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมประการต่อไปว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายโดยตรงในการกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลนั้นเป็นความผิดต่อศาล และการลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลย่อมเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุที่จะเรียกร้อยโทวิชัยมาสอบถาม และหากโจทก์ร่วมได้รับความเสียหายจากร้อยโทวิชัยโจทก์ร่วมชอบที่จะไปดำเนินคดีต่างหากก่อนถือได้ว่าศาลชั้นต้นชี้ขาดในเรื่องการละเมิดอำนาจศาลแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ โจทก์ร่วมย่อมมิใช่ผู้เสียหายอันจะมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้นได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมในข้อนี้ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share