แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับเงินค่าจ้างของลูกจ้างโจทก์ 3 คน ไว้โดยคนทั้งสามยินยอมให้จำเลยรับแทน จำเลยย่อมได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนโดยปริยายของลูกจ้างโจทก์ทั้งสามคนดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 797 วรรคสอง การที่จำเลยจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่คนทั้งสามน้อยกว่าจำนวนที่จำเลยรับจากโจทก์ไว้แทนคนทั้งสาม ก็เป็นเรื่องที่คนทั้งสามจะว่ากล่าวเอาแก่จำเลยโดยตรง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าจ้างของคนทั้งสามในส่วนที่จำเลยรับไว้จากโจทก์แล้วไม่จ่ายให้แก่คนทั้งสามคืนจากจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยเคยรับราชการเป็นข้าราชการในสังกัดของโจทก์ที่ 1 จำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยใช้อำนาจในตำแหน่งเบียดบังเงินของโจทก์ไปเป็นของจำเลยโดยทุจริต ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 660,859.96 บาท ให้แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เบียดบังเอาเงินของโจทก์เป็นของจำเลยหรือของบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และคดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อเดือนตุลาคม2523 ถึงวันที่ 15 เมษายน 2528 จำเลยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยณ กรุงโรม ระหว่างนั้นจำเลยดำเนินการบรรจุนางสาวถนอมนวล อินต๊ะนางสาวกรรณิกา นุชกรรณ์ และนางสาวเสาร์แก้ว ตาเมาคนรับใช้ส่วนตัวของจำเลยเป็นลูกจ้างประจำสถานเอกอัครราชทูตในตำแหน่งคนใช้ประจำสถานเอกอัครราชทูต และจำเลยรับเงินค่าจ้างของคนทั้งสามไว้จากโจทก์ทั้งสองแทนคนทั้งสาม แต่จำเลยจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่คนทั้งสามน้อยกว่าที่คนทั้งสามมีสิทธิได้รับจากโจทก์ทั้งสอง ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองมีว่าจำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าจ้างส่วนที่จำเลยรับไว้จากโจทก์ทั้งสองแล้วไม่จ่ายให้แก่คนทั้งสามคืนแก่โจทก์ทั้งสองหรือไม่ โจทก์อ้างว่าจำเลยปลอมใบสมัครงานและรายงานการจ่ายค่าจ้างของนางสาวกรรณิกานางสาวเสาร์แก้วและนางสาวถนอมนวล รวมทั้งปกปิดสถานะการเป็นลูกจ้างของสถานเอกอัครราชทูตของบุคคลดังกล่าว แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้จากพยานหลักฐานโจทก์จำเลยว่า ใบสมัครงานของนางสาวกรรณิกานางสาวเสาร์แก้ว และนางสาวถนอมนวลเป็นเอกสารที่แท้จริงคนทั้งสามจึงมีฐานะเป็นลูกจ้างประจำของสถานเอกอัครราชทูตไทยณ กรุงโรม มีสิทธิได้รับเงินค่าจ้างตามกฎหมายและคนทั้งสามลงลายมือชื่อรับเงินค่าจ้างในรายงานการจ่ายค่าจ้างด้วยตนเองโดยจำเลยไม่ได้ปกปิดสถานะการเป็นลูกจ้างสถานเอกอัครราชทูตของคนทั้งสาม การที่คนทั้งสามยอมให้จำเลยรับเงินค่าจ้างไว้แทนคนทั้งสามและยอมลงชื่อในรายงานการจ่ายค่าจ้างตลอดมานั้น ย่อมทำให้จำเลยได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนโดยปริยายของคนทั้งสามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 ดังนั้น การที่จำเลยรับเงินค่าจ้างไว้แทนคนทั้งสาม แล้วจ่ายเงินค่าจ้างให้คนทั้งสามน้อยกว่าที่คนทั้งสามมีสิทธิได้รับ ก็เป็นเรื่องที่คนทั้งสามจะว่ากล่าวเอาแก่จำเลยโดยตรงจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าจ้างของคนทั้งสามคืนจากจำเลย
พิพากษายืน