คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อกฎหมายที่ยกขึ้นฎีกาต่อศาลฎีกาได้นั้น จะต้องเป็นข้อที่ได้ตั้งประเด็นว่ากันมาแล้วตั้งแต่ในศาลชั้นต้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยเอาโซ่ผูกเท้าและใส่กุญแจโจทก์ไว้กับเสาระเบียงเรือน เป็นการกักขังโจทก์โดยจำเลยไม่มีอำนาจจะทำได้ โดยจำเลยมีเจตนาแกล้งโจทก์ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๖๘,๒๗๐,๓๓๘
ศาลชั้นต้นสั่งคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ
ศาลทั้งสองไม่เชื่อพยานโจทก์ โดยฟังข้อเท็จจริงตามคำพยานจำเลยว่า ในวันเกิดเหตุจำเลย ซึ่งเป็นกำนันได้ไปบอกโจทก์ให้จัดการดำเนินคดีที่โจทก์กล่าวหาจำเลยให้เสร็จสิ้น โจทก์เมาสุราและด่าจำเลยว่า เย็ดแม่กำนันขี้โกง กู้ไม่ไปจำเลยจึงให้คนนำโจทก์ไปบ้านจำเลย ถึงบ้านจำเลยแล้วโจทก์กลับด่าแม่จำเลยอีก และเต้นโครมคราม แสดงกิริยาอาละวาด จำเลยจึงจับโจทก์ล่ามโซ่ใส่กุญแจติดกับเสาเรือนไว้ กลางคืนโจทก์ก็ยังด่าว่าจำเลยอีก รุ่งเช้าจำเลยเห็นโจทก์หายเมาสุรา จึงถอดโซ่ให้โจกท์มาอำเภอกับจำเลย เห็นว่าการที่โจทก์เมาสุราด่าจำเลย ๆ ย่อมมีอำนาจจับโจทก์ได้ เพราะเป็นกำนัน ครั้นเมื่อนำโจกท์ไปถึงบ้านจำเลย โจทก์กลับอาละวาดและด่าจำเลยมากขึ้นอีก จำเลยก็มีอำนาจที่จะใส่โซ่ล่ามโจทก์ไว้ได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า เป็นปัญหาข้อ ก.ม.เพียงข้อเดียวว่า คดีเป็นกรณีความผิดลหุโทษตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๘๗ วรรค ๑ จำเลยจะจับและควบคุมโจทก์เช่นนั้นไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อฎีกาของโจทก์นี้ โจทก์ไม่ได้ตั้งประเด็นข้อนี้มาในฟ้องแต่อย่างใดเลย เพิ่งมายกขึ้นอ้างต่อเมื่อ ศาลไม่เชื่อพยานโจกท์และฟังตามคำพยานจำเลย จึงถือได้ว่าข้อฎีกาของโจทก์ ไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นมาว่ากล่าวกันมาแล้ว ในศาลชั้นต้น จะยกเป็นข้อฎีกาหาได้ไม่ จึงพิพากษายืน

Share