คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7158/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสี่คนละ5ไร่85ตารางวาเท่าๆกันจำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียวที่พิพาททั้งแปลงราคา196,375 บาทโดยโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยจะได้รับส่วนแบ่งคนละ1ส่วนดังนั้นที่พิพาทที่โจทก์ทั้งสี่จะได้รับตามฟ้องมีราคารวม157,100บาทซึ่งจำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียวจึงไม่อาจแยกคิดทุนทรัพย์แต่ละส่วนตามที่โจทก์ทั้งสี่ขอมาได้อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์157,100บาทไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนแย่งแยกและบรรยายส่วนสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1255 ให้แก่โจทก์ทั้งสี่คนละ 5 ไร่ 85 ตารางวา
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเดิมเป็นของมารดาจำเลยและโจทก์ทั้งสี่ หลังจากมารดาถึงแก่กรรมได้มีการแบ่งทรัพย์มรดกระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยโดยโจทก์ที่ 2 และที่ 4 ไม่ติดใจในทรัพย์มรดก ส่วนโจทก์ที่ 1 และที่ 3 ได้ที่ดินอีกแปลงหนึ่งซึ่งเป็นที่สวนไป ที่พิพาทตกได้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใส่ชื่อโจทก์ทั้งสี่เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1255คนละ 5 ไร่ 85 ตารางวา
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายก อุทธรณ์ ของ จำเลย
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งที่พิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสี่คนละ 5 ไร่ 85 ตารางวา เท่า ๆ กัน จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว และปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ตีราคาทุนทรัพย์พิพาทไว้ตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 20 กันยายน 2536 ว่า ที่พิพาททั้งแปลงมีราคารวมกันทั้งสิ้น 196,375 บาท โดยโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยจะได้รับส่วนแบ่งคนละ 1 ส่วน ดังนั้นที่พิพาทที่โจทก์ทั้งสี่จะได้รับตามฟ้องมีราคารวม 157,100 บาท ซึ่งจำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียวจึงไม่อาจแยกคิดทุนทรัพย์แต่ละส่วนตามที่โจทก์ทั้งสี่ขอมาได้อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์157,100 บาท ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยโดยวินิจฉัยว่า ทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกันคนละไม่ถึง 50,000 บาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ส่งสำนวนคืนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share