แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาที่โจทก์ทำกับจำเลยมีข้อตกลงว่าจำเลยจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์ในกรณีที่มีวินาศภัยดังที่ระบุไว้เกิดขึ้น และโจทก์ตกลงจะจ่ายเบี้ยประกันภัยให้แก่จำเลย จึงเป็นสัญญาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861 สัญญาประกันภัยที่โจทก์กับจำเลยทำไว้ต่อกันมีชื่อเรียกว่าOPENCOVER เพื่อคุ้มครองการขนส่งทางทะเลสำหรับสินค้าที่โจทก์สั่งซื้อจากต่างประเทศโดยโจทก์มีหน้าที่ต้องแจ้งรายละเอียดของสินค้าที่สั่งซื้อทุกครั้งให้จำเลยทราบเพื่อให้จำเลยคำนวณเบี้ยประกันภัย ซึ่งโจทก์จะแจ้งจำเลยหลังจากสินค้าที่สั่งซื้อถูกขนลงเรือประมาณ 2 ถึง 4 สัปดาห์ จำเลยรับชำระเบี้ยประกันภัยไว้ทุกครั้ง และออกใบรับรองตามสัญญาประกันภัยให้โดยมิได้มีการทำสัญญาประกันภัยใหม่ และจำเลยไม่คำนึงว่าขณะโจทก์ชำระเบี้ยประกันภัยสินค้าในเรือจะมีอยู่หรือเรือที่ขนส่งสินค้าจมทะเลไปแล้วสัญญาประกันภัยดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประกันภัยแบบคุ้มครองตลอดที่ให้ความคุ้มครองแก่สินค้าของโจทก์ที่ขนส่งทางทะเลทุกเที่ยวโดยอัตโนมัติ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาประกันภัยคุ้มครองตลอด (OPEN COVER)กับจำเลย เพื่อให้คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการขนส่งเหล็กแผ่นม้วนทางทะเลและมีผลคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2524ตลอดไปจนกว่าจะบอกเลิกสัญญา โจทก์ซื้อเหล็กแผ่นม้วนรีดด้วยความร้อนจากบริษัทจีเอสอี เย็นเนอรัล สตีล เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด และแจ้งให้จำเลยทราบถึงการส่งสินค้าเหล็กแผ่นม้วนดังกล่าวเพื่อจ่ายเบี้ยประกันภัยให้จำเลยตามสัญญาประกันภัยคุ้มครองตลอด จำเลยออกใบรับรองตามสัญญาประกันภัยคุ้มครองตลอด (OPEN COVER CERTIFICATE)เพื่อคุ้มครองเหล็กแผ่นม้วนที่ส่งมาโดยเรือมารีเนอร์ 2 ให้โจทก์รวม 4 ฉบับ รวมเป็นเงินซึ่งเอาประกันภัยจำนวน 59,164,636.14 บาทแต่เรือมารีเนอร์ 2 ที่บรรทุกเหล็กแผ่นม้วนของโจทก์ได้จมลงในทะเลแดงทำให้เหล็กแผ่นม้วนเสียหายทั้งหมด โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยทราบ และมีหนังสือเรียกร้องให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนเงินที่เอาประกันภัยซึ่งระบุไว้ในใบรับรองตามสัญญาประกันภัยคุ้มครองตลอด แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 59,164,636.14 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2528เป็นต้นไป
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาประกันภัยคุ้มครองตลอดให้แก่โจทก์ หนังสือโอเพ่นคัฟเวอร์ตามฟ้องเป็นเพียงเอกสารที่ให้สิทธิลูกค้าผู้ได้รับเอกสารดังกล่าวมีสิทธิแจ้งแถลงไขขอทำสัญญาประกันภัยสินค้าของตนกับจำเลยได้ในภายหน้าเป็นคราว ๆ ไปไม่ใช่สัญญาประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองแก่สินค้าโจทก์ตลอดเวลาหรือคุ้มครองความเสียหายในภัยที่เกิดขึ้นก่อนมีการแจ้งแถลงไขเรือมารีเนอร์ 2 จมลงในทะเลแดงเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2528แต่โจทก์มาแจ้งแถลงไขขอทำสัญญาประกันภัยต่อจำเลยวันที่ 26 เมษายน2528 สัญญาประกันภัยจึงไม่เกิดขึ้นเพราะในขณะแจ้งแถลงไขนั้นสินค้าเหล็กแผ่นม้วนของโจทก์ที่จะเอาประกันภัยไม่ได้มีอยู่แล้วสัญญาประกันภัยจึงไม่เกิดขึ้น สัญญาประกันภัยและใบรับรองประกันภัยจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่ต้องรับผิดและหากจะต้องรับผิดก็ไม่เกินวงเงิน 50,000,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,000,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 11มิถุนายน 2528 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาในชั้นฎีกามีว่า เอกสารหมาย จ.7เป็นสัญญาประกันภัยตามกฎหมายที่สามารถให้ความคุ้มครองแก่สินค้าเหล็กแผ่นม้วนของโจทก์ที่ขนส่งทางทะเลทุกเที่ยวได้โดยอัตโนมัติหรือไม่ และหนังสือรับรองการประกันภัยสินค้าเหล็กแผ่นม้วน 4 ฉบับที่จำเลยออกให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.47 ถึง จ.50 เป็นโมฆะหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เอกสารหมาย จ.7 เป็นสัญญาที่จำเลยตกลงจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์ในกรณีที่มีวินาศภัยดังที่ระบุไว้เกิดขึ้น และโจทก์ตกลงจะจ่ายเบี้ยประกันภัยให้แก่จำเลยสัญญาดังกล่าวมีลักษณะครบถ้วนตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 861 บัญญัติไว้ จึงเป็นสัญญาประกันภัยตามกฎหมาย ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่า หลังจากโจทก์ทำสัญญาประกันภัยตามเอกสารหมายจ.7 กับจำเลยแล้ว โจทก์สั่งซื้อสินค้าเหล็กแผ่นม้วนจากต่างประเทศปีละหลายเที่ยวเรือและชำระเบี้ยประกันภัยสำหรับสินค้าดังกล่าวแก่จำเลยทุกครั้ง โดยโจทก์จะแจ้งรายละเอียดสินค้าที่สั่งซื้อให้จำเลยทราบเพื่อคำนวณเบี้ยประกันภัยหลังจากสินค้าถูกขนลงเรือประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน ซึ่งจำเลยก็รับชำระเบี้ยประกันภัยไว้ทุกครั้งและออกใบรับรองตามสัญญาประกันภัยคุ้มครองตลอดให้โจทก์ โดยมิได้คำนึงว่าขณะโจทก์ชำระเบี้ยประกันภัยสินค้าในเรือจะมีอยู่หรือเรือจมทะเลไปแล้ว โดยที่จำเลยมิได้ทำสัญญาประกันภัยใหม่กับโจทก์ สัญญาประกันภัยตามเอกสารหมาย จ.7 จึงเป็นสัญญาประกันภัยแบบคุ้มครองตลอด ที่ให้ความคุ้มครองแก่เหล็กแผ่นม้วนของโจทก์ที่ขนส่งทางทะเลทุกเที่ยวโดยอัตโนมัติรวมทั้งเหล็กแผ่นม้วนพิพาทที่ขนส่งลงเรือมารีเนอร์ 2 ที่จมทะเลด้วย ฎีกาจำเลยที่พยายามแปลความหมายสัญญาตามเอกสารหมาย จ.7เป็นสัญญาที่ให้สิทธิโจทก์ที่จะขอทำสัญญาประกันภัยสินค้าของโจทก์กับจำเลยได้ในภายหน้าเป็นคราว ๆ ไป ฟังไม่ขึ้น และเมื่อข้อเท็จจริงตามปัญหานี้ฟังได้ดังกล่าว ปัญหาตามฎีกาจำเลยที่ว่า หนังสือรับรองการประกันภัยตามเอกสารหมาย จ.47 ถึง จ.50 เป็นโมฆะเพราะทรัพย์สินที่เอาประกันภัยไม่ได้มีอยู่จริงหรือได้สูญสิ้นไปก่อนแล้ว หรือในขณะที่โจทก์แจ้งแถลงไขเอาประกันภัยนั้นภัยที่จะเอาประกันภัยได้เกิดขึ้นก่อนเอาประกันภัยหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอีกต่อไป เพราะการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจะมีผลเปลี่ยนผลแห่งคดีก็ต่อเมื่อศาลฎีกาฟังว่าสัญญาประกันภัยตามเอกสารหมาย จ.7 มิใช่สัญญาประกันภัยคุ้มครองตลอดตามข้อต่อสู้ของจำเลยเท่านั้น ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน