แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและมิได้อ้างตนเองเบิกความเป็นพยานหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ จำเลยก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยต้องคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ แต่ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบโฉนดที่ดินไปจากโจทก์นั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์ หากไม่สามารถส่งคืนได้ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาออกใบแทนโฉนดที่ดินฉบับดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินที่ ๑๓๔๒๕ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา แก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๒,๐๐๐ บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๓๔๒๕ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา โจทก์ได้มอบโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยไปเสียภาษีโรงเรือนแล้วจำเลยไม่ส่งคืนโจทก์ มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยต้องคืนโฉนดที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและมิได้อ้างตนเองเบิกความเป็นพยานหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ จำเลยก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกาว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยจำต้องคืนโฉนดที่ดินแก่โจทก์ ที่จำเลยฎีกาว่า ได้ความตามคำเบิกความของโจทก์ว่าโจทก์ได้สอบถามจำเลยเกี่ยวกับโฉนดที่ดินแล้ว จำเลยตอบว่าได้ทำสูญหายไป โจทก์ได้ตรวจสอบโฉนดที่ดินที่สำนักงานที่ดินแล้วปรากฏว่ายังคงมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท เมื่อโฉนดที่ดินไม่อยู่ในความครอบครองของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องคืนแก่โจทก์นั้น เห็นว่า ตามคำเบิกความของโจทก์ดังกล่าว โจทก์มิได้เบิกความยอมรับว่าโฉนดที่ดินไม่ได้อยู่ในความครอบครองของจำเลย โจทก์เพียงแต่เบิกความถึงข้ออ้างของจำเลยว่าสูญหายเมื่อโจทก์ทวงถามโฉนดที่ดินเท่านั้น ข้อเท็จจริงจึงคงรับฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า จำเลยได้รับมอบโฉนดที่ดินไปจากโจทก์ โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่คืน ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบโฉนดที่ดินไปจากโจทก์นั้น เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.