คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7334/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิการเช่าเป็นทรัพย์สินและเป็นการเฉพาะตัวของจำเลยแต่เมื่อ ก. ผู้ให้เช่ายินยอมให้โอนสิทธิการเช่าดังกล่าวโดยยอมให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านยึดและขายทอดตลาดได้เช่นนี้ ผู้คัดค้านจึงมีอำนาจยึดและขายทอดตลาดสิทธิการเช่าอาคารพิพาทของจำเลย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากผู้คัดค้านได้ยึดสิทธิการเช่าอาคารเลขที่ 87, 87/1, 87/2 ของจำเลย ซึ่งเช่าจากราชพัสดุ จังหวัดพิษณุโลก

จำเลยยื่นคำร้องว่า สิทธิการเช่าตึกแถวดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่าสิทธิการเช่าที่ราชพัสดุเป็นทรัพย์ที่โอนไม่ได้ และไม่อยู่ในการบังคับคดีตามกฎหมายอีกทั้งสัญญาเช่าครบกำหนดแล้วยังไม่มีการต่อสัญญาเช่าขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการยึดสิทธิการเช่าดังกล่าว

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า สิทธิการเช่าอาคารราชพัสดุรายนี้ผู้ให้เช่าได้ยินยอมให้ผู้คัดค้านทำการยึดและขายทอดตลาดได้เป็นการเฉพาะรายแล้วขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิการเช่าอาคารพิพาทจากราชพัสดุจังหวัดพิษณุโลกสัญญาเช่าสิ้นกำหนดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2535 แล้วยังไม่มีการต่อสัญญาเช่าจำเลยถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2536 ตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.16/2535

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า ผู้คัดค้านยึดสิทธิการเช่าอาคารพิพาทออกขายทอดตลาดได้หรือไม่ เห็นว่า แม้สัญญาเช่าสิ้นกำหนดเมื่อไม่มีการบอกเลิกสัญญาเช่าต่อกัน จำเลยยังอยู่ในอาคารเช่าโดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง ถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 สิทธิการเช่าเป็นทรัพย์สินแม้สิทธิการเช่าเป็นการเฉพาะตัวจำเลย แต่เมื่อกรมธนารักษ์ผู้ให้เช่ายินยอมให้โอนสิทธิการเช่าดังกล่าวโดยยอมให้ผู้คัดค้านยึดและขายทอดตลาดได้เช่นนี้ผู้คัดค้านจึงมีอำนาจยึดและขายทอดตลาดสิทธิการเช่าอาคารพิพาทของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของจำเลยนั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share