คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเชื่อโดยสุจริตใจและมีเหตุผลสมควรว่าโจทก์หมิ่นประมาทจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน จึงแจ้งต่อนายอำเภอจนโจทก์ถูกจับกุมฟ้องร้องนั้นแม้ภายหลัง ศาลจะชี้ขาดว่าถ้อยคำของโจทก์ไม่ถึงเป็นหมิ่นประมาทก็ดีหรือปรากฏว่า จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานเพราะผู้ตั้งไม่มีอำนาจตั้งก็ดีก็ไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์

ย่อยาว

คดีนี้ กรณีเดิมเนื่องมาจากจำเลยกับพวกได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการสวนครัวและเลี้ยงสัตว์ ไปตรวจถึงบ้านโจทก์ ๆ ชี้ให้ดูสุนัขและแมวว่าเป็นสัตว์เลี้ยง จำเลยเห็นว่าเป็นโจทก์หมิ่นประมาทคนซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงาน จึงรายงานนายอำเภอเป็นมูลให้โจทก์ถูกสอบสวนและถูกฟ้อง คดีนั้นถึงที่สุดโดยคำพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีความผิด โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้เรียกค่าเสียหาย หาว่าจำเลยละเมิดสิทธิโจทก์

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริง ยืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยเชื่อโดยสุจริตและโดยมีเหตุสมควรว่าจำเลยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจสวนครัวและเลี้ยงสัตว์ เมื่อโจทก์กล่าวถ้อยคำเป็นเชิงหมิ่นประมาทจำเลย จำเลยจึงรายงานให้นายอำเภอทราบ ทั้งนี้ก็โดยจำเลยเชื่อโดยสุจริต และมีเหตุผลสมควรว่า โจทก์เป็นผู้กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน เพราะฉะนั้นแม้ต่อมาถ้อยคำของโจทก์จะไม่เป็นการหมิ่นประมาทก็ดี หรือว่าจำเลยมิได้เป็นเจ้าพนักงานเพราะข้าหลวงประจำจังหวัดไม่มีอำนาจตั้งจำเลยก็ดี ก็ไม่ทำให้จำเลยต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ดังฟ้อง จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share