แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมออกจากที่ดินวัดปทุมคงคาเพื่อให้โจทก์ปลูกตึกแถว โจทก์สัญญาว่าปลูกแล้วจะให้จำเลยเช่า 1 คูหา ซึ่งตามแต่โจทก์จะเป็นผู้เลือกให้ จำเลยจะต้องช่วยค่าก่อสร้าง 20,000 บาท.
สร้างเสร็จจำเลยเข้าอยู่ในห้องเลขที่ 66/8 โจทก์จึงฟ้องว่าจำเลยเข้าอยู่ในห้อง 66/8 โดยพละการมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์ตั้งใจเลือกห้องเลข4/4 ให้จำเลย การที่จำเลยเข้าอยู่ในห้อง 66/8 โดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์เป็นการละเมิดสิทธิครอบครองของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย
เมื่อจำเลยมิได้โต้เถียงกรรมสิทธิฟ้องดังกล่าวจึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ (ฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวนเป็นราคาเงินได้) ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ เพียงแต่โจทก์มีคำขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยนั้น ไม่เป็นเหตุทำให้โจทก์หมดสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัยที่วัดปทุมคงคาอยู่โจทก์จำเลยทำสัญญาต่อกันโดยจำเลยยอมรื้อเรือนออกไปให้โจทก์ปลูกตึกแถว โจทก์ยอมให้โจทก์ปลูกตึกแถว โจทก์ยอมให้จำเลยเช่าตึกแถวที่ปลูก ๑ ห้อง จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา วัดปทุมคงคาจึงฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง ได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อศาล โดยจำเลยกับบริวาร ยอมออกไปจากที่พิพาทเพื่อให้โจทก์ปลูกตึกแถว โจทก์คดีนี้จะให้จำเลยเช่าตึกแถวที่ปลูก ๑ คูนา ซึ่งตามแต่โจทก์จะเห็นผู้เลือกให้ภายในระยะไม่เกิน ๒๕๐ วัน นับแต่วันที่จำเลยส่งมอบที่ดินแก่โจทก์และเมื่อจำเลยจะเข้าอยู่ในตึกแถวที่กล่าวแล้ว จำเลยจะต้องจ่ายเงินสมทบเป็นค่าปลูกสร้างให้แก่โจทก์ ๒๐,๐๐๐ บาท
โจทก์ปลูกสร้างตึกเสร็จ แต่ก่อนที่โจทก์จะได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าโจทก์ได้ตกลงเลือกให้จำเลยเข้าอยู่คูหาใด จำเลยกับบริวารเข้าไปอยู่ในห้องเลข ๖๖/๘ โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่าโจทก์ได้เลือกตึกห้องเลขที่ ๖๖/๘ และให้จ่ายเงิน ๒๐,๐๐๐ บาทำจำเลยเพิกเฉย โจทก์ถือว่าจำเลยลงใจสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ทำไว้ และไม่ประสงค์จะเช่าอยู่ในตึกแถวคูหาเลขที่ ๔/๔ ตามที่โจทก์เลือกให้การที่จำเลยกับบริวารเข้าอยู่ในห้อง ๖๖/๘ โดยมิได้รับอนุญาตจากโจทก์เป็นการละเมิดต่อสิทธิครอบครองของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายรวมเป็นเงิน ๔,๘๐๐ บาท ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องเลขที่ ๖๖/๘ และใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงเอาห้องนี้ (๖๖/๘) ให้จำเลยตามสัญญา และจำเลยยืนยอมรับเอาห้องเลข ๔/๔ เป็นห้องในตึกแถวที่สร้างใหม่คนละแห่งกับตึกแถวเดิม จำเลยไม่ยินยอมตามข้อเสนอใหม่ของโจทก์ ทั้งข้อเสนอใหม่ของโจทก์เป็นการผิดเจตนาสัญญาประนีประนอมยอมความที่ได้ทำกันไว้ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาข้อที่จำเลยคัดค้านฎีกาของโจทก์-ว่า ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้นั้นแล้วเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเข้ามาอยู่ในตึกแถวห้องพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์เป็นการมิชอบขอให้ขับไล่ จำเลยมิได้โต้เถียงกรรมสิทธิแห่งตึกแถวรายนี้ ถ้าโจทก์มิได้เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยด้วย ก็เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามในการที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา ๒๔๘ (ที่แก้ไขใหม่) เพียงแต่โจทก์มีคำขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยนั้น ไม่เป็นเหตุทำให้โจทก์หมดสิทธิที่จะฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าห้องรายพิพาทเป็นห้องที่โจทก์ได้แสดงเจตนาเลือกหรือเหลือเลือกให้จำเลยเช่า
พิพากษายืน.