แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยโดยมิได้สั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลนั้น เป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 151 วรรคหนึ่ง ต่อมาเมื่อจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งโดยชำระค่าคำร้องมา 200 บาท ซึ่งความจริงต้องชำระเพียง 40 บาท การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องโดยมิได้สั่งค่าฤชาธรรมเนียมและสั่งคืนค่าคำร้องที่เกิน 40 บาท ให้จำเลยเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 167 และตาราง 2 ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๓,๙๘๖,๐๙๓.๘๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓,๗๓๕,๙๘๗ บาท นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่มีคำสั่ง งดสืบพยานจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๙ จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ คำสั่งดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยโดยมิได้สั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลนั้น เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๑ วรรคหนึ่ง ต่อมาเมื่อจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งโดยชำระ ค่าคำร้องมา ๒๐๐ บาท ซึ่งความจริงต้องชำระเพียง ๔๐ บาท การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง โดยมิได้สั่งค่าฤชาธรรมเนียมและสั่งคืนค่าคำร้องที่เกิน ๔๐ บาท ให้จำเลย เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๖๗ และตาราง ๒ ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้ถูกต้อง
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดและค่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ส่วนที่เกิน ๔๐ บาท ให้จำเลย ค่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์และค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.