แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการซึ่งได้ฟ้องจำเลยหาว่ากระทำผิดฐานหนึ่งอยู่แล้ว ผู้เสียหายจะมาเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในเรื่องการกระทำของจำเลยอันเดียวกันนั้นอีกไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกบัญชีรับจ่ายเงินการทำไม้เสาที่โจทก์จำเลยได้ตกลงเข้าหุ้นส่วนกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๑๔
ปรากฎว่า ในการกระทำของจำเลยคราวนี้ อัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ขอให้ลงโทษฐานซ่อนเร้น ทำลายหนังสือสำคัญ ฉ้อโกง ทำให้เสียทรัพย์ โจทก์ในคดีนี้ได้ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็น โจทก์กับอัยการในคดีนั้นด้วยแล้วโจทก์ในคดีนี้มาฟ้องคดีนี้ขึ้นอีก หาว่ายักยอกบัญชีรายเดียวกัน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการได้ หรือจะฟ้องเป็นคดีขึ้นใหม่ก็ได้ ในทางใดทางหนึ่ง กฎหมายไม่ได้อนุญาตให้กระทำได้พร้อมกันทั้ง ๒ ทางฉะนั้นคดีนี้โจทก์จะมาฟ้องอีกไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๗๓ วรรค ๒(๑) ประกอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕ จึงไม่รับฟ้องให้จำหน่ายคดีเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ในคดีนี้ได้ร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการในเรื่องการกระทำของจำเลยอันเดียวกันนี้แล้ว จะมาเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ขึ้นอีกเป็นการไม่ชอบด้วยบทกฎหมายตามที่ศาลล่างทั้งสองอ้างมา เท่ากับผู้เสียหายในเรื่องนี้เป็นโจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในการที่จำเลยกระทำลงคราวเดียวเป็น ๒ คดีซ้ำกัน และในศาลเดียวกัน ศาลล่างไม่รับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา ชอบแล้ว
คงพิพากษายืน