คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7225/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์ที่ 2 เพื่อทำนาโดยชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือก จำเลยไม่ชำระค่าเช่า โจทก์ทั้งสองบอกเลิกสัญญาเช่าพร้อมขับไล่จำเลยและเรียกค่าเช่าเป็นข้าวเปลือก ดังนี้ โจทก์ที่ 1 ไม่ใช่คู่สัญญาเช่าที่ดินกับจำเลย แม้โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมก็ฟ้องขับไล่จำเลยตามสัญญาเช่าและเรียกค่าเช่าที่ดินไม่ได้
พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การเช่านาให้มีการกำหนดคราวละไม่น้อยกว่าหกปี การเช่านารายใดที่ทำไว้โดยไม่มีกำหนดเวลาหรือมีต่ำกว่าหกปี ให้ถือว่าการเช่านารายนั้นมีกำหนดเวลาหกปี” และมาตรา 40 วรรคสอง บัญญัติว่า “ค่าเช่านาให้คิดเป็นรายปี ในอัตราไม่เกินอัตราขั้นสูงที่ คชก. ตำบลกำหนด…” ดังนั้น เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2552 โจทก์ที่ 2 ตกลงให้จำเลยเช่าที่ดินเพื่อปลูกข้าวทำนามีกำหนดเวลาเช่า 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2552 ครบกำหนดเวลาวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 ข้อตกลงที่สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ ตามสำเนารายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานว่า ผู้ให้เช่าเรียกเก็บข้าวเปลือกจากผู้เช่าไร่ละ 9 กระสอบ หากผู้เช่ายังไม่ได้ทำสัญญาเช่า ห้ามผู้เช่าทำนาอีกต่อไปในที่นาของผู้ให้เช่า เป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 และมาตรา 151 โจทก์ที่ 2 ฟ้องคดีก่อนครบกำหนดในวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 หาได้ไม่ ส่วนข้อพิพาทเกี่ยวกับการเก็บค่าเช่าและการชำระค่าเช่านั้น โจทก์ยังมิได้ขอให้ คชก. ตำบล พิจารณาวินิจฉัย ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 13 (2) โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่าที่ดิน

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 25260 ตำบลบ้านถ่อน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย และส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ทั้งสองในสภาพเรียบร้อย กับให้จำเลยชำระข้าวเปลือก 189 กระสอบ (กระสอบละ 50 กิโลกรัม) หากชำระข้าวเปลือกไม่ได้ให้จำเลยชำระเงิน 170,100 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 25260 ตำบลบ้านถ่อน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย และส่งมอบที่ดินแปลงดังกล่าวคืนโจทก์ทั้งสองในสภาพเรียบร้อย กับให้จำเลยชำระข้าวเปลือก 189 กระสอบ (กระสอบละ 50 กิโลกรัม) แก่โจทก์ที่ 2 หากชำระไม่ได้ให้จำเลยชำระเงิน 132,300 บาท แก่โจทก์ที่ 2 กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในเบื้องต้นเห็นควรวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 1 มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 25260 ตำบลบ้านถ่อน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เนื้อที่ประมาณ 21 ไร่ 46 ตารางวา จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์ที่ 2 แล้วไม่ชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือก 63 กระสอบปุ๋ย โจทก์ที่ 2 และจำเลยตกลงกันที่สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ โจทก์ที่ 2 เรียกร้องค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกไร่ละ 9 กระสอบ จำเลยไม่ยอมชำระหนี้ โจทก์ทั้งสองบอกเลิกสัญญาเช่าพร้อมทั้งขับไล่จำเลยและเรียกค่าเช่าที่ดินเป็นข้าวเปลือก ดังนี้ โจทก์ที่ 1 ไม่ใช่คู่สัญญาเช่าที่ดินกับจำเลย แม้โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมก็ฟ้องขับไล่จำเลยตามสัญญาเช่าและเรียกค่าเช่าที่ดินไม่ได้ อำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 1 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ 2 ว่า โจทก์ที่ 2 มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า วันที่ 12 กรกฎาคม 2552 โจทก์ที่ 2 ตกลงให้จำเลยเช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 25260 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกข้าวทำนา มีกำหนดเวลาเช่า 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2552 หมดสิ้นกำหนดเวลาเช่าวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ตามหนังสือสัญญาเช่าที่ดิน เห็นว่า พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การเช่านาให้มีการกำหนดคราวละไม่น้อยกว่าหกปี การเช่านารายใดที่ทำไว้โดยไม่มีกำหนดเวลาหรือมีแต่ต่ำกว่าหกปี “ค่าเช่านาให้คิดเป็นรายปี ในอัตราไม่เกินอัตราขั้นสูงที่ คชก. ตำบลกำหนด…” ดังนั้น หนังสือสัญญาเช่าที่ดินระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยครบกำหนดเวลาวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 ข้อตกลงที่สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ ตามสำเนารายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานว่า ผู้ให้เช่าเรียกเก็บข้าวเปลือกจากผู้เช่าไร่ละ 9 กระสอบ หากผู้เช่ายังไม่ได้ทำสัญญาเช่า ห้ามผู้เช่าทำนาอีกต่อไปในที่นาของผู้ให้เช่า เป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 และมาตรา 151 โจทก์ที่ 2 ฟ้องคดีวันที่ 10 มกราคม 2555 อันเป็นเวลาก่อนครบกำหนดเวลาหกปีวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 หาได้ไม่ ส่วนข้อพิพาทเกี่ยวกับการเก็บค่าเช่าและการชำระค่าเช่านั้น เมื่อโจทก์ยังมิได้ขอให้ คชก. ตำบลบ้านถ่อน พิจารณาวินิจฉัย ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 13 (2) โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่าที่ดิน ทั้งโจทก์ที่ 2 ไม่ได้บอกเลิกการเช่านาเป็นหนังสือให้จำเลยผู้เช่านาทราบล่วงหน้าเป็นเวลาน้อยกว่าหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 37 อีกด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ทั้งสองร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 5,000 บาท แทนจำเลย

Share